ไม่พบผลการค้นหา
‘ออน ชิชญาสุ์’ อดีตผู้จัดการกองประกวด ‘มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์’ เปิดใจครั้งแรกหลังจากไม่ได้ทำนางงาม มีความสุขในฐานะผู้ชม ควบคู่กับการบริหารค่ายเพลง ‘วอทเดอะดัก’

ชิชญาสุ์ กรรณสูต หรือ คุณออน อดีตผู้จัดการกองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ เปิดใจครั้งแรกหลังจาก ไม่ได้จัดการประกวด มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ (Miss Universe Thailand) เวทีประกวดนางงามที่ได้รับการยกย่องว่ามีความคลาสสิกที่สุดของไทย เพื่อเฟ้นหาสาวงามเป็นตัวแทนประเทศไทยไปประชัน มิสยูนิเวิร์ส (Miss Universe) หรือ นางงามจักรวาล มาเป็นเวลากว่า 1 ปี 

คุณออน บอกกับทีมข่าวว่า นับตั้งแต่ปลายปี 2014 เธอสนุกกับการทำงานในฐานะผู้จัดการกองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ควบคู่กับการทำค่ายเพลง ในฐานะผู้ก่อตั้ง ค่ายวอทเดอะดัก (What the duck) ต้นสังกัดศิลปินแถวหน้าของวงการเพลง อาทิ สิงโต นำโชค, เดอะทอยส์, ฟักกลิ้ง ฮีโร่ ฯลฯ ที่แท็คทีม มอย-สามขวัญ ตันสมพงษ์ และบอล-ต่อพงศ์ จันทบุปผา ก่อตั้งในปี 2014 ปีเดียวกันกับที่เธอเข้าไปช่วยคุณอา คือ คุณแดง-สุรางค์ เปรมปรีดิ์ อดีตกรรมการผู้จัดการช่อง 7 และอดีตผู้ถือลิขสิทธิ์จัดประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ จัดการประกวดนางงาม 

“ตอนเป็นผู้จัดฯ คุณแดงอยากให้ช่วยมาทำ แรกๆ มาจากเราต้องมาช่วย แต่พอได้ทำ ก็มีความสุข หาคำตอบให้กับตัวเองได้ว่าความสุขที่ทำนางงามคือการที่เราได้สร้างผลผลิตได้สร้างคนขึ้นมา เขาอาจจะเป็นผู้หญิงธรรมดาจนมามีชีวิตที่ดีขึ้นอันนี้เราเห็นแล้วรู้สึกดี แต่ละปีก็จะได้ผู้หญิงที่มีสตอรี่ต่างกันไป มีทั้งธรรมดา ธรรมดามาก และโอเค จนวันหนึ่งเขาเติบโตขึ้นมาเป็นบุคลากรที่มีคุณค่าของสังคม อันนี้รู้สึกมีความสุขที่เราได้พัฒนาเขาตั้งแต่วันแรกที่เห็นเขา ผู้หญิงคนนี้ที่ควรจะได้รับจะเป็นยังไงในอนาคต หรือมีความเป็นไปได้ไหม และวิธีการขัดเกลาเราควรขัดเกลาเขาไปทิศทางไหน ในแบบที่เขายังมีตัวตนของเขาอยู่” 

“นี่คือความสุขที่ได้ทำนางงาม ส่ง แนท (อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2015), น้ำตาล (ชลิตา ส่วนเสน่ห์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016) มารีญา (มารีญา พูลเลิศลาภ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2017) และนิ้ง (โศภิดา กาญจนรินทร์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018) ไปประกวดมิสยูนิเวิร์ส” 


ออน ชิชญาสุ์

กับการทำเพลง มีความแตกต่างจากการทำนางงาม เพราะไม่ได้มาจากพื้นฐานของการทำเพลงทำดนตรี บทบาทหน้าที่จึงไม่เหมือนกัน กับค่ายเพลงหนักไปทางเบื้องหลัง และผลักดันให้องค์กรเดินไปข้างหน้า 

“อาจจะด้วยแบบบริษัทเป็นบริษัทของเราเอง เราอยากผลักดันองค์กรเราให้ทันสมัยให้ทุกคนมีความสุขในการทำงาน และต่อยอดให้ศิลปินที่มีศักยภาพด้านอื่น สามารถทำงานอื่นๆ ในวงการบันเทิงเพิ่มเติมได้ คือมีความสุขอยู่บนพื้นฐานเดียวกันคือได้ สร้างคน สร้างอาชีพ ได้เห็นเขาเติบโต จากคนที่รักในเสียงเพลง เล่นดนตรี วันหนึ่งพัฒนาขึ้นมาเป็นศิลปินมืออาชีพ เรารู้สึกภูมิใจกับเขานะ เขามีศักยภาพและผลักดันเขาไปในทิศทางที่ถูกต้อง” 

คุณออน บอกต่อว่า ภายหลังจัดประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ปี 2018 ลิขสิทธิ์เปลี่ยนมือไปอยู่กับ บริษัท ทีพีเอ็น 2018 ที่มี ณรงค์ เลิศกิตศิริ, ปิยาภรณ์ แสนโกศิก และสมชาย ชีวสุทธานนท์ ในปี 2019 แม้ไม่ได้เป็นผู้จัดการประกวดแล้ว แต่ก็มีความสุขในฐานะ “ผู้ชม” การประกวดนางงาม ที่มีความเข้าใจขั้นตอนการทำงาน และสามารถประเมินสถานการณ์บางอย่างได้ และการประกวดนางงามก็ยังมีอะไรให้ชมเพลินๆ หลายมุม หลายคอนเทนต์ 

ในขณะเดียวกันก็มีความเห็นใจคนที่ต้องรับมือกับสถานการณ์ที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน และไม่รู้จะทำอย่างไรกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่ก่อให้เกิดดราม่า คนจัดประกวดนางงามไม่ใช่ใครก็ทำได้ ต้องมีจิตที่แข็ง ต้องกลืนสิ่งที่พูดไม่ได้ หรือสิ่งพูดออกไปแล้วมีผลแง่ลบมากกว่าแง่บวก ก็ไม่ควรพูด

“ก่อนที่เรามาทำนางงามไม่ได้เป็นแฟนนางงาม ไม่มีความอินที่จะไปหลงรักหรือเคลิ้มตามไปกับสิ่งที่เรากำลังทำ เป็นข้อดีอย่างหนึ่งทำให้อยู่บนพื้นฐานของความเป็นกลางมากๆ เลือกจากคนที่เรามองเห็นศักยภาพจากตัวตนเขา ปีแรกๆ ไม่ได้รู้สึกถึงดราม่าเพราะเราไม่ได้รับรู้ ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด สิ่งที่เป็นดราม่าเป็นฟีดแบคกลับมา ถือว่าเป็นประสบการณ์ เป็นข้อติที่เราควรนำไปพัฒนา รู้สึกถึงแฟนนางงามที่มีความหลากหลาย ทำให้รับรู้ว่าไม่สามารถทำให้เกิดความพอใจ หรือ ถูกใจ 100 เปอร์เซ็นต์ ต้องยอมรับในความคิดต่าง แต่ละปีก็ดราม่าไม่เหมือนกัน” 

“เราจะตัดสินใจทำอะไรต้องประเมินสถานการณ์ก่อน สิ่งที่เราทำเรามีคำตอบให้ตัวเองนะถึงจะรับมือกับดราม่าได้ แต่ถ้าทำไปโดยไม่มีสติ สมมติเราไม่เห็นด้วย แต่ต้องทำไปตามกระแสที่ทุกคนพูดถึงอันนี้จะลำบาก เพราะถ้ายังตอบตัวเองไม่ได้เลย แล้วเราจะไปตอบใครได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะทำอะไรก็ตามต้องมีคำตอบให้ตัวเองก่อน คาดการณ์ปัญหาที่จะเกิดขึ้นก่อน ถ้ามันมีปัญหาจะแก้อย่างไร แต่ถ้าอะไรที่แก้ไม่ได้ก็ต้องปล่อยไป ไม่ไปกระพือให้หนักขึ้น มันก็ต้องนิ่งไม่โต้ตอบในสิ่งที่เราไม่รู้ เราสามารถโต้ตอบได้ถ้าเรารู้ในสิ่งนั้น” 

“แต่ถ้าเป็นดราม่ากระแสด้วยลมปากก็ไม่ควรพูด เพราะฉะนั้นคนจัดนางงามต้องหนักแน่น ต้องกลืนสิ่งที่พูดไม่ได้บางเรื่อง บางครั้งอยากจะพูดจะตายในบางเรื่อง แต่ถ้าพูดไปแล้วมันสะท้อนกลับมาแบบทำร้ายเรามันก็จะเหนื่อยหน่อย ต้องระวังให้มากที่สุด” ออน ชิชญาสุ์


ออน ชิชญาสุ์

ถามว่าเสียใจไหมเมื่อวันที่ลิขสิทธิ์มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์หลุดมือ คุณออนตอบพร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อย “ไม่เสียใจ” และยังไม่พร้อมที่จะกลับไปจัดการประกวดนางงามอีก เพราะมีธุรกิจอื่นที่ต้องดูแล และเติบโตขึ้น

“เรามองว่าวงการนางงามอยู่ในช่วงขาลง ถึงแม้จะมีเวทีใหม่เกิดขึ้นเรื่อยๆ คนดูก็จะมีที่เป็นกลุ่มเฉพาะ ถ้าคิดทำเป็นธุรกิจก็อาจจะยากขึ้น ส่วนถ้าอยากให้ไปช่วยพัฒนาส่วนไหนแบบไม่เต็มตัวก็ยินดี ที่ผ่านมา 1 ปี ก็มีหลายคนมาขอคำปรึกษา ก็ยินดีที่จะช่วยแบบเป็นกลาง ก็แชร์ประสบการณ์ที่เรามี ไม่อยากให้เขาเจ็บตัว ให้เขาทำงานได้ง่ายขึ้น” 

คุณออน ทิ้งท้าย ด้วยการบอกว่า ทางด้าน คุณแดง-สุรางค์ เปรมปรีดิ์ ไม่ได้รู้สึกเสียใจแต่อย่างใด หลังจากเสียสิทธิในการส่งนางงามไทยไปประชันนางงามงามจักรวาล ที่ถือครองมาเกือบ 2 ทศวรรษ 

“คุณแดงมีความสุขมาก เพราะเราก็มีความรู้สึกว่าถึงจุดอิ่มตัวแล้วเหมือนกัน ณ ตอนนี้มันก็มีความสุขที่ไม่กดดันตัวเอง เลยไม่รู้สึกเสียใจเลยกับรู้สึกโล่งใจมากกว่า และเป็นกำลังใจให้กับทีมงานคนไทย คือ แต่ละคนก็มีความชำนาญเฉพาะทาง การทำนางงามก็อาศัยผู้มีประสบการณ์ อย่างตอนที่เราทำเราก็ไม่ได้เก่ง แต่เรามีคุณแดง มีพี่แจ๊ด (ประณม ถาวรเวช) ที่เขามีประสบการณ์ ตั้งแต่รุ่นพ่อที่เขาทำและถ่ายทอดกันมา แต่ว่าวิธีการทำยุคมันเปลี่ยนไปโซเชียลมีเดียเข้ามา คนรุ่นเก่าก็ต้องหาตรงกลางให้เจอ”