พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสการปรับคณะรัฐมนตรี ว่าจะมีผลกระทบกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจหรือไม่ ว่า จะเป็นห่วงทำไมเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี เพราะการเมืองมาจากการเมือง การปรับคณะรัฐมนตรีมีมาตลอด เป็นอย่างนี้มานานแล้ว ไม่ว่าปรับกี่ทีก็ทะเลาะกัน เมื่อทะเลาะกัน ทหารก็เข้ามา ทีแรกทหารก็ได้เครดิตพออยู่ไปเครดิตตก นักการเมืองก็นำประชาชนมาเดินขบวน ก็วนอยู่แบบนี้ หากถามว่าสถานการณ์การเมืองตอนนี้เป็นอย่างไร ตอบได้ว่าเป็นเหมือนเดิม เหมือน 88 ปีที่แล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวที่มีพรรคการเมืองเป็นร้อยพรรค นักการเมืองทะเลาะกัน และกล่าวหาทหาร ในขณะที่ประเทศอื่นที่เป็นประชาธิปไตยมีพรรคการเมืองเพียง 2 พรรค
ส่วนจะให้กำลังใจรัฐบาลอย่างไรเพราะปัญหารุมเร้า ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ให้กำลังมาตลอด 88 ปีแล้วเท่ากับอายุของตน สำคัญกว่านั้น คือรัฐบาลให้กำลังใจตนบ้างไหม
"รัฐบาลวันนี้พูดกันแต่เรื่องของพรรคการเมือง ใครจะเป็นหัวหน้าพรรค เป็นห่วงเรื่องการเลือกตั้ง เรื่องรัฐธรรมนูญ ส่วนตัวเห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่ต้องไปห่วงเรื่องพวกนั้น การปกครองทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นเผด็จการ ประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นการปกครองแบบใด ก็ไม่เห็นจะมีใครพูดกันเรื่องแบบนี้ สิ่งเดียวที่เขาพูดคือจะทำอะไรเพื่อประชาชนได้บ้างนี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด" พล.อ.ชวลิต กล่าว
พล.อ.ชวลิต ยังมองถึงการบริหารงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า ทุกรัฐบาลนายกรัฐมนตรีก็ดีทุกคน มีความตั้งใจดี ไม่เช่นนั้นคงไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้น นายกรัฐมนตรีต้องรู้จักปรับตัว ต้องรู้ว่าประชาชนต้องการอะไร แต่สำคัญคือจะเอาเงินจากไหน ตอนนี้ประเทศมีหนี้สิน GDP ก็ติดลบ จะเห็นว่าเป็นปัญหาทั้งสิ้น จะแก้ไขอย่างไรต้องช่วยกันคิด ซึ่งปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นมาจากโควิด-19 และไม่ใช่เรื่องยากที่จะแก้ปัญหาเพราะประเทศไทยอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากร
"ส่วนรัฐบาลชุดนี้จะไปรอดหรือไม่นั้น ขอให้ปรับตัว และรู้ว่าจะหาเงินจากที่ไหน เพื่อทำประโยชน์ให้ประชาชน อีกทั้งต้องถามตัวเองว่าทำไมกองทุนต่างชาติถึงให้เงินประเทศเพื่อนบ้าน แต่ไม่ให้ไทย" พล.อ.ชวลิต กล่าว
พล.อ.ชวลิต ยังกล่าวว่า ตอนนี้จำเป็นต้องให้กำลัง พล.อ.ประยุทธ์ ส่วนจะอยู่ครบวาระ 4 ปีหรือไม่ คงไม่มีใครรู้ อาจจะอยู่ถึง 10 ปีก็ได้
ส่วนจะให้คำแนะนำ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อย่างไร พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า คงไม่มีอะไร เพราะ พล.อ.ประวิตร มีประสบการณ์สูง และประสงค์ดีอยู่แล้ว แต่การเป็นหัวหน้าพรรคต้องมีความเสียสละ ต้องรู้ว่าจะบริหารประเทศอย่างไร และรู้ปัญหาของชาติว่าอยู่จุดไหน
ส่วนผู้ที่จะเข้ามาหาผลประโยชน์ทางการเมือง จะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร พล.อ.ชวลิต ย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ซึ่งประเทศไทยมีเสาหลักที่สำคัญ 5 เสา คือ การเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง การต่างประเทศ ที่จะปกป้องประเทศ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้อยู่ได้ แต่ที่สำคัญคือ การเมืองการปกครอง หากไปไม่รอดเสาอื่นก็ไม่สำเร็จ ทุกวันนี้การเมืองการปกครองทำไม่ถูกต้อง ประเทศไทยมีพรรคการเมืองจำนวนมาก นักการเมืองก็ทะเลาะกัน ต่างจากประเทศที่เป็นประชาธิปไตย และมีขนาดใหญ่กว่าไทยยังมีเพียง 2 พรรค ไม่มีการพูดถึงเรื่องตำแหน่ง
ส่วน พล.อ.ประวิตร จะมีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ อยู่ที่ พล.อ.ประวิตร แต่ตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะมีความเกรงใจ พล.อ.ประวิตร ในฐานะรุ่นพี่ แต่อย่าเอาความเกรงใจมาอยู่เหนือความเจริญของประเทศชาติและส่วนรวมคงไม่ถูกต้อง
อย่างไรก็ตามจะเป็นการปิดประตู เพื่อไม่ให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี หรือไม่ พล.อ.ชวลิต ระบุว่า ตนไม่ได้ตอบคำถามนี้ เพราะไม่ใช่คำตอบที่แก้ปัญหา แต่จะทำอย่างไรถึงจะเกิดการปกครองโดยประชาชนเพื่อประชาชน หรือการปกครองในระบบประชาธิปไตย
ส่วน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา จะสามารถเป็นนายกรัฐมนตรี ได้หรือไม่นั้น เรื่องของนายกรัฐมนตรี ใครก็เป็นได้ ถ้ามีความรู้ความสามารถ
เมื่อถามย้ำว่า สถานการณ์ตอนนี้ไม่มีใครเหมาะสมเท่า พล.อ.ประยุทธ์ แล้วใช่ หรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ไม่รู้ ไปพูดอย่างนั้นไม่ได้ เพราะคนดีมีอยู่ เพียงแต่ไม่ได้แสดงฝีมือ