ไม่พบผลการค้นหา
เชื้อไวรัสตระกูลโคโรนาไวรัส เคยแพร่ระบาดมาแล้ว 2 ครั้งในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดโรคซาร์สและโรคเมอร์สที่คร่าชีวิตประชากรทั่วโลกนับพันคน

วอยซ์ออนไลน์ ชวนมาศึกษาและทำความรู้จักกับเชื้อไวรัสตระกูลโคโรนาไวรัสที่เป็นต้นตอของการแพร่ระบาดของโรคซาร์ส โรคเมอร์สและโรคปอดอักเสบเรื้อรังจากอู่ฮั่นที่กำลังแพร่ระบาดในจีนและเดินทางติดตัวนักเดินทางบางรายไปยังประเทศต่างๆ

อะไรคือไวรัสโคโรนาที่ระบาดในอู่ฮั่น

'เชื้อไวรัสโคโรนา' เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกครั้งแรกในปี 2002 โดยก่อให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรง หรือ ซาร์ส ซึ่งผู้ติดเชื้อรายแรกพบเจอที่ประเทศจีน ก่อนที่จะมีการแพร่กระจายไปกว่า 37 ประเทศทั่วโลก และมีรายงานผู้ติดเชื้อกว่า 8,000 คนทั่วโลกและคร่าชีวิตผู้ป่วยมากกว่า 750 คน

ขณะที่โรคเมอร์สที่ระบาดในภูมิภาคตะวันออกลางในปี 2012นั้นก็มีต้นกำเนิดมาจากการติดเชื้อไวรัสในตระกูลโคโรนาไวรัสเช่นกัน ซึ่งการระบาดในครั้งนั้นมีผู้ติดเชื้อไวรัสฯเสียชีวิตกว่า 35 เปอร์เซ็นต์จากจำนวนผู้ติดเชื้อประมาณ 2,500 คน

สำหรับโรคปอดอักเสบที่แพร่ระบาดในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยของจีนก็มาจากเชื้อไวรัสตระกูลโคโรนาเช่นกัน แต่เป็นคนละสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดโรคซาร์สและโรคเมอร์ส ซึ่งการกระจายของเชื้อไวรัสฯในครั้งนี้เกิดขึ้นที่ตลาดขายส่งอาหารทะเลในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ทางตอนกลางของประเทศจีนเป็นแห่งแรก

แพร่ระบาดจาก 'สัตว์' สู่ 'คน'

ตระกูลของเชื้อไวรัสโคโรนาทุกสายพันธุ์ (เท่าที่ค้นพบ) เดิมพบการติดเชื้อไวรัสดังกล่าวนี้ในสัตว์ขนาดเล็ก โดยเชื่อว่าสาเหตุที่ก่อให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรนานั้นมาจาก 'ค้างคาว' ก่อนที่จะแพร่จายไปยังสัตว์ชนิดต่างๆ และได้กลายพันธุ์สู่การติดเชื้อในมนุษย์ โดยมีการสันนิษฐานว่าโรคเมอร์สที่เป็นโรคจากเชื้อไวรัสตระกูลโคโรนาไวรัสก็เป็นการแพร่เชื้อจากอูฐสู่คน

อาการของผู้ที่ได้รับเชื้อไวรัสตระกูลโคโรนาเข้าสู่ร่างกายจะมีอาการไข้สูง มีอาการไอ และหายใจยากลำบาก ก่อนที่จะนำไปสู่ภาวะหายใจล้มเหลวจากโรคปอดอักเสบ จนนำไปสู่ไตวายและอาจจะเสียชีวิตในที่สุด 

สำหรับการรักษา ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนหรือนยารักษาใดๆที่สามารถฆ่าเชื้อดังกล่าวได้โดยตรง มีเพียงยารักษาป้องกันไวรัสเท่านั้น แต่ก็ให้ผลเพียงแค่บรรเทาอาการของโรคเท่านั้น อย่างไรก็ตามไม่มีการรับประกันว่าผู้ป่วยที่ติดเชื้อตระกูลไวรัสโคโรนานี้จะสามารถฟื้นตัวหรือรักษาให้หายขาดได้ทุกคนซึ่งจะขึ้นอยู่กับความเเข็งแรงและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายผู้ป่วย

ยกระดับแพร่ระบาดจาก 'คน' สู่ 'คน'

เมื่อวันจันทร์ ( 20 ม.ค.) คณะกรรมการสาธารณสุขแห่งชาติของจีนยืนยันว่า เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ โดยมีรายงานว่าบุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อไวรัสก็ได้รับเชื้อไวรัสฯดังกล่าวจำนวน 15 คน และมี 1 คนที่มีอาการวิกฤต

ขณะที่งานวิจัยของImperial College London ระบุว่า ปัจจุบันอาจมีผุ้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้กว่า 1,700 คน โดยประเมินจากการเดินทางเข้าออกของนักเดินทางจากสนามบิน และประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณตลาดค้าส่งอาหารทะเลที่เป็นต้นกำเนิดของเชื้อไวรัสดังกล่าว

สถานการณ์ปัจจุบันน่ากังวลมากน้อยแค่ไหน

การเดินทางในช่วงเทศกาลตรุษจีนของคนจีนกว่า 1,400 ล้านคนนั้นเสี่ยงต่อการแพร่กระจายและควบคุมเชื้อไวรัสโคโรนา ซึ่งทางการจีนรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อจนถึงวันนี้(21 ม.ค.)ว่ามีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 300 คน โดยอยู่ในเมืองอู่ฮั่นและมณฑลหูเป่ย 270 ราย ปักกิ่ง 5 ราย มณฑลกว่างตง 14 ราย เซี่ยงไฮ้ 2 ราย และมีผู้ต้องสงสัยในเมืองอื่นๆในจีนอีกเกือบ 100คน

ขณะที่ในประเทศต่างก็มีรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสายพันธุ์ โดยทุกคนที่มีเชื้อไวรัสฯต่างมีประวัติการเดินทางไปยังเมืองอู่ฮั่น หรือเดินทางมาจากอู่ฮั่นทั้งสิ้น โดยพบผู้ติดเชื้อไวรัสฯในประเทศไทย 2ราย ในเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวันและสหรัฐฯอย่างละ 1 ราย

ขณะที่มีการยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แล้วจำนวน 6 คน ซึ่งส่วนใหญ่เสียชีวิตจากระบบอวัยวะล้มเหลวทั้งสิ้น

ในเบื้องต้นองค์การอนามัยโลก (WHO) จะประเมินว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ไม่ร้ายแรงเท่าไวรัสที่ทำให้เกิดโรคซาร์สและโรคเมอร์ส แต่ทางWHO กำลังจะประชุมเพื่อตัดสินใจว่า ควรจะยกระดับความร้ายแรงของการแพร่ระบาด หรือประกาศให้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้เป็นวิกฤตการณ์สาธารณสุขที่ต้องเฝ้าระวังในระดับนานาชาติหรือไม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางWHO ได้ประกาศให้โรคไข้หวัดหมุและโรคอีดบลา เป็นสถาการณ์ฉุกเฉินทางสาธารณสุขที่ต้องเฝ้าระวัง

ที่มา the guardian / businessinsider / CNA / reuters

ข่าวที่เกี่ยวข้อง