ไม่พบผลการค้นหา
เสวนาฝ่ายค้านสะท้อนความเดือดร้อนภาคอุตสาหกรรม-ส่งออกวิกฤตโควิด-19 ชี้ ศก.ไทยติดลบหนักช่วง 'ประยุทธ์' ยึดอำนาจ เป็นรัฐบาลถลุงเงินสูง 20 ล้านล้านบาท เร่งกระตุ้นจ้างงาน เลิกซื้อเรือดำน้ำ ด้าน 'ก้าวไกล' ชงแผนยืดหยุ่นให้ภาคธุรกิจส่งเสริมลงทุนภาคอุตสาหกรรม 'พลังปวงชนไทย' ซัด รบ.เก็บภาษีไม่เข้าเป้า 3 แสนล้านบาท 'เสรีรวมไทย' ไล่รัฐบาลออกไปได้แล้ว แนะ รบ.จ้างงานให้เกิดการสร้างรายได้ ให้ระบบเศรษฐกิจให้หมุนเวียน

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 26 ก.ย. ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา จ.ชลบุรี สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เปิดโครงการผู้นำฝ่ายค้านฯ พบประชาชน ในหัวข้อ "ฝ่ายค้านรับฟัง 4 กลุ่มเปราะบางจากวิกฤตโควิด-19" เวทีที่ 4 : ความเดือดร้อนต่อภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกจากวิกฤตโควิด-19 โดยสมพงษ์ ระบุว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างแสนสาหัส ทุกด้าน ทุกภาคส่วนของประเทศ และยังไม่มีแนวโน้มจะจบลงในเร็ววัน ตนร่วมกับพรรคฝ่ายค้านจึงเห็นความสำคัญ และตระหนักถึงภาระหน้าที่ในการเป็นปากเป็นเสียง สะท้อนความเดือดร้อนและร่วมกันหาทางออก จึงได้เป็นจุดเริ่มต้นของการจัด "เวทีแลกเปลี่ยนและรับฟังความคิดเห็นจากได้รับผลกระทบโดยตรงจากโควิด-19" โดยพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบหลักๆ สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่ม ใน 4 จังหวัด ซึ่งวันนี้ (26 ก.ย.) เป็นเวทีสุดท้ายที่จัดขึ้นที่ จ.ชลบุรี

ผู้นำฝ่ายค้านฯ ระบุว่า ผลกระทบจากโควิด-19 แล้ว ภาคการผลิตที่ได้ผลกระทบหนักที่สุด ก็หนีไม่พ้นภาคการท่องเที่ยว และภาคอุตสาหกรรมทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับการส่งออก ทั้งนี้การส่งออกซึ่งเป็นเครื่องยนต์ใหญ่ที่สุดในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยต้องเป็นอัมพาต เกิดขึ้นจาก 2 สาเหตุใหญ่ คือ 1. ด้านอุปทาน ห่วงโซ่อุปทานถูกดตัดขาดในช่วงต้นๆของการระบาด ทำให้ไม่สามารถผลิตสินค้าได้ เนื่องจากขาดแคลนวัตถุดิบ และ 2. ด้านอุปสงค์ กำลังซื้อของตลาดโลกแทบจะอยู่ในภาวะหยุดนิ่ง เมื่อกำลังซื้อไม่มี การส่งออกจึงมีปัญหา ทั้ง 2 ปัจจัยนี้ทำให้ภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกไทยอยู่ในอาการโคม่า อีกทั้งตลาดส่งออกสำคัญของไทยมูลค่ากว่าครึ่งเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อจากโควิดสูงทั้งจีน EU สหรัฐฯ ตะวันออกกลาง เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ทั้งหมดอยู่ในภาวะหยุดชะงัก และไม่มีแนวโน้มว่าจะคลี่คลายลงในระยะอันใกล้ 

นอกจากนั้นโควิด-19 ทำให้กำลังซื้อในส่วนต่างๆของโลกมีปัญหาเนื่องจากรายได้ของประชากรในประเทศหดหาย เมื่อรายได้ประชากรหดหาย การใช้จ่ายก็จะถูกจำกัด สินค้าส่งออกของไทยจึงไม่มีกำลังซื้อมารองรับ 

ยังมีปัญหาค่าเงินบาทแข็งก็เป็นปัญหามานาน และยิ่งหนักขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วงโควิด ที่ประเทศมหาอำนาจต่างใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย ใช้การพิมพ์เงินเข้าสู่ระบบมากเป็นประวัติการณ์ ทำให้ค่าเงินต่างประเทศอ่อนและทำให้ค่าเงินบาทแข็งขึ้น เป็นอุปสรรคต่อภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกไทย ทำให้การแข่งขันด้านราคาของไทยทำได้ลำบาก ในประเด็นนี้เห็นว่าธนาคารแห่งประเทศไทยควรมุ่งเน้นด้านสามารถในการแข่งขันด้านราคาของผู้ส่งออกมากกว่าเน้นด้านเสถียรภาพเพียงอย่างเดียว

เมื่อภาคอุตสาหกรรมมีปัญหา จากปัจจัยที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เมื่อรายได้หดหาย รายจ่ายประจำยังคงเดินอยู่ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่า ค่าจ้าง ค่าดอกเบี้ย เกิดภาวะชักหน้าไม่ถึงหลัง ต้องปลดแรงงาน ต้องปิดกิจการ และล้มละลาย ทางออกที่รัฐบาลจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทำคือการต่อลมหายใจ และการต่อลมหายก็หนีไม่พ้นการให้ "สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำที่เข้าถึงง่าย" ให้กับผู้ประกอบการ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยคือ จริงอยู่ที่เรามีมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ แต่รัฐบาลสร้างข้อจำกัด สร้างเงื่อนไข ต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็นต้องเป็นลูกหนี้เดิมของธนาคาร ต้องไม่เป็น NPL มาก่อน เป็นต้น ประกอบกับการทำมาตรการนี้ผ่านธนาคารพาณิชย์ ซึ่งโดยธรรมชาติไม่ต้องการแบกรับความเสี่ยง ลังเลที่จะปล่อยสินเชื่อ ทำให้มาตรการต่อลมหายใจโดยใช้ Soft loan นั้น ไม่ได้ผลในทางปฏิบัติ เปรียบเสมือนรัฐบาลมีชูชีพ แต่โยนไม่ถึงมือคนกำลังจมน้ำ สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปก็คือการล้มตายของธุรกิจจำนวนมาก หากรัฐบาลไม่เร่งแก้ไข 

ผู้นำฝ่ายค้านฯ ชี้รัฐบาลแก้ปัญหาแรงงานสายเกิน ทำผู้ใช้แรงตกงานมาก

ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า ภายหลังรัฐบาลเริ่มคิดได้ เริ่มให้ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เพื่อชดเชยในสิ่งที่ธนาคารพาณิชย์ไม่อยากทำ เริ่มมีมาตรการค้ำประกันสินเชื่อ แต่สิ่งเหล่านี้ก็เกิดขึ้นช้าไปมากๆ เมื่อเทียบกับความเดือดร้อนของประชาชนที่ทวีคูณขึ้นทุกวัน อีกหนึ่งมาตรการที่รัฐบาลละเลย คือการประคองการจ้างงานผ่านผู้ประกอบการไปยังแรงงาน โดยใช้การอุดหนุนค่าจ้าง การให้สินเชื่อเพื่อประคองการจ้างงาน หรือการทำเงื่อนไขการกู้เงินให้ผูกกับการคงการจ้างงานเอาไว้ เหล่านี้รัฐบาลไม่ได้ทำเลย จึงเป็นเหตุให้ประเทศไทยตกงานจำนวนมหาศาล ไม่มีตาข่ายช่วยป้องกันการตกงานเหมือนประเทศอื่น ผู้ที่เดือดร้อนที่สุดจึงคือแรงงานที่ตกงานในปัจจุบัน รัฐบาลพยายามแก้ไขภายหลังโดยการอุดหนุนการจ้างงานใหม่ แต่มันก็สายเกินไปมากแล้ว แทนที่จะป้องกันการตกงาน แต่กลับรอให้ตกงานแล้วค่อยมากช่วย

พิชัย ชี้ ศก.ไทยไม่โต ติดลบช่วงยึดอำนาจ แนะเลิกซื้อเรือดำน้ำ

จากนั้นเป็นการเสวนา "ฝ่ายค้านรับฟัง 4 กลุ่มเปราะบางจากวิกฤติโควิด" เวทีที่ 4 : ความเดือดร้อนภาคอุตสาหกรรมและการส่งออก ของตัวแทนแต่ละพรรคการเมืองของพรรคร่วมฝายค้าน  โดยพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยใน 5-6 ปีที่ผ่านมาไม่โต เหตุที่เศรษฐกิจไม่โตและเงินหาไม่ได้ เพราะเศรษฐกิจหยุดนิ่ง ขณะนี้จะมีการว่างงานถึง 11.8 ล้านคน หนี้เสียจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ธนาคารกำไรลดลง ทั้งนี้รัฐบาลต้องเลิกโกหก ถ้าประเทศไทยดีกว่าประเทศอื่น แม้ประเทศอื่นจะติดลบด้านเศรษฐกิจ แต่ของไทยติดลบทางเศรษฐกิจช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา สำหรับแนวทางที่จะเสนอรัฐบาล ต้องเร่งสร้างความมั่นใจ พ.ร.ก.ซอฟต์โลนต้องทำให้เกิดการจ้างงาน ทั้งนี้รัฐบาลต้องหารายได้เพิ่มนอกจากเงินภาษี ถ้าแจกเงินอย่างเดียวเศรษฐกิจจะไม่โต โดยเฉพาะพื้นที่ไทยทับซ้อนกับเขมร มีพื้นที่ก๊าซอยู่ อีกทั้งต้องมีการปรับงบประมาณ ต้องมีการเลิกซื้อเรือดำน้ำ โดยเฉพาะงบประมาณของทหาร

พิชัย.jpg

ก้าวไกล แนะไทยไม่พึ่งส่งออกกับจีน-สหรัฐฯ อย่างเดียว

เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุว่าภาคตะวันออกเป็นหัวหอกทางเศรษฐกิจ จ.ชลบุรี มีระบบอุตสาหกรรมใหญ่ของประเทศ มีการจ้างงาน 3.2 ล้านคน เพราะ จ.ชลบุรี มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรม ในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ทั้งนี้พรรคก้าวไกลมีคณะทำงานติดตามการส่งออก เพราะการส่งออกซึมยาวกกว่าที่ผ่านมา มีการติดลบทางเศรษฐกิจในที่ผ่านมา ส่วนภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกนั้น ไทยอาศัยตลาดจีน โดยจีนกลับเจอสถานการณ์โควิดหนักหน่วง และยังฉุดรั้งเศรษฐกิจโลกด้วย สถานการณ์ทั่วโลกก็ยังไม่สามารถควบคุมได้ ทั้งนี้คณะทำงานได้ติดตามการส่งออก โดยที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องสังคมสูงวัย ก็เป็นอุปสรรคในภาคอุตสาหกรรมและการบริหารในการส่งออก รวมทั้งมีปัญหาทักษะในเรื่องแรงงานด้วย อีกประเด็นมีการแข็งค่าเงินบาทในช่วงปีที่ผ่านมาและต้นปี 2563 ไม่ได้สอดคล้องในการแข่งขันกับประเทศไทยด้วย

"การเกิดสงครามการค้าครั้งนี้เกิดจาก New Normal ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ดังนั้น ตลอดครึ่งปีของประเทศมีการเปลี่ยนแปลง รวมถึงเวทีการค้าโลกด้วย ซึ่งประเทศไทยต้องตั้งรับและเรียนรู้ให้มากขึ้น ไม่อาศัยตลาดจีนหรือสหรัฐฯอย่างเดียว ต้องตอบรับการเปลี่ยนแปลงของโลกาภิวัฒน์ ยุคออนไลน์  โดยต้องฝากผู้ประกอบการให้ปรับให้ทันกับโลกยุคใหม่ด้วย"

เบญจา ระบุว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่สามารถสร้างความมั่นใจได้เลยมีการอภิปรายในสภาหลากหลาย หลายท่านก็พูดไปแล้วว่ารัฐบาลประยุทธ์ไม่สามารถสร้างความมั่นใจได้ เพราะรัฐบาลตลอดครึ่งปีไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ผ่านมามีการกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท กับ พ.ร.บ.โอนงบฯ รัฐบาลมีงบกลาง 8.8 ล้านล้านบาท จะบอกว่าประเทศไม่มีเงินก็ไม่ถูกต้อง แต่เป็นปัญหาการบริหารของรัฐบาลมากกว่า อยากให้รัฐบาลเยียวยาประชาชนและผู้ประกอบการ เรามีแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 4 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการตีเช็คเปล่า ดังนั้นการปรับแผนงานสามารถทำได้

เบญจา แสงจันทร์ ก้าวไกล 694_1012259646052459110_n.jpg


ชงแผนยืดหยุ่นให้ภาคธุรกิจส่งเสริมลงทุนภาคอุตสาหกรรม

ส่วนพรรคก้าวไกลมีแนวทางจะเสนอไปยังผู้ประกอบการ เพิ่มความยืดหยุ่นให้ภาคธุรกิจส่งเสริมการลงทุนให้มาก ต้องมีโมเดลในการเปิดประเทศเพื่อดูแลความปลอดภัยโรคระบาด  ต้องมีจินตนาการวางแผนการลงทุุน ส่งออกการท่องเที่ยว มากกว่าเน้นขายทรัพยากร ไม่ว่าจะเป็นอีสปอร์ต การส่งเสริมท่องเที่ยวแบบอีโค และปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ โดยภาครัฐต้องปรับตัวส่งเสริมภาคการลงทุนอุตสาหกรรมส่งออกมากขึ้น นอกจากนี้ในสมัยประชุมรัฐสภาสมัยหน้า พรรคก้าวไกลจะยื่นล่ารายชื่อภาคประชาชน 50,000 รายชื่อร่วมกับร่างรัฐธรรมนูญภาคประชาชนของ ไอลอว์ เพื่อเสนอเข้าสู่รัฐสภาในการปิดสวิตช์ ส.ว.ต่อไป โดยพรรคก้าวไกลจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ

เรวัต วิศรุตเวช เสรีรวมไทย 63863134183021_501888209954651822_n.jpg

เสรีรวมไทย ตะเพิด รบ.ดันชิมช้อปใช้ -เที่ยวด้วยกัน แต่ไม่เข้าถึงคนทั่วถึง

นพ.เรวัต วิศรุตเวช รองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ระบุว่า โรคโควิด-19 กระทบประชาชนทั้งโลก ในประเทศไทยกระทบรุนแรงมาก ในจีดีพี สิ้นเดือน มิ.ย. ติดลบ 8 % ทั้งปีจะติดลบ 12% เราอาจเป็นประเทศติดลบมากที่สุดในอาเซียน ทั้งอาเซียน ติดลบไม่มากเท่าไทย ทั้งนี้ เศรษฐกิจของไทยพึ่งพาอุตสาหกรรม  การส่งออกเป็นหลัก เมื่อมีโควิด-19 การส่งออกก็หยุดชะงัก ทั้งนี้ ภาคการเกษตร มีแรงงานถึง 40 % แต่จีพีดี 10 % เมื่อภาคส่งออกและท่องเที่ยวพึ่งไม่ได้ก็ซ้ำเติมรุนแรง ตอนที่การท่องเที่ยวโต ต้องการภาคแรงงาน  เมื่อท่องเที่ยวตายก็กระทบชีวิตความเป็นอยู่ของภาคแรงงาน

นพ.เรวัต ระบุว่า รัฐบาลควรออกไปได้แล้ว โดยเฉพาะโครงการชิมช้อปใช้ ออกมาหลายเฟส แต่ต้องผ่านแอปพลิเคชัน ผู้มีรายได้น้อยยากจะเข้าถึงได้ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน มียอดจองห้องพักเพียง 6 แสนกว่าห้อง คิดเป็นวงเงินเพียง 1,800 ล้านบาท เห็นชัดเจนว่ายังไม่พอ อีกทั้งการจัดสรรงบประมาณก่อนโควิด จึงล้าสมัยไม่ตอบโจทย์การจัดสรรงบฯ แก้ปัญหาโควิด ซึ่งเป็นความไม่ฉลาดของรัฐบาลชุดนี้ที่แก้ปัญหาไม่ตรงจุด ไม่่มีความสามารถในการแก้ปัญหา ตอนนี้เป็นห่วงหนี้ครัวเรือนเพราะสูงถึง 80 % ของจีดีพี สำนักบริหารหนี้สาธารณะยอมรับว่าหนี้สาธารณะสูงถึง 7 ล้านล้านบาท เมื่อรัฐบาลใช้จ่ายไม่พอก็ต้องกู้เงินมาสะสมจนเป็นหนี้ ตนอยากเสนอให้มีการจ้างงานเพื่อสร้างรายได้มีการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจให้หมุนเวียน นอกจากนี้ รักษาแรงงานไว้อย่าปลดออก เพราะไม่รักษาแรงงานไว้ไปปลดออกจะเพิ่มคนตกงานอย่างมหาศาล ผลกระทบจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ หลังโควิดจะยังเจอวิกฤตที่จะต้องเตรียมการในเรื่องนี้

ทวี แนะลดค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภค ซัด กฤษฎีกาผลาญเบี้ยประชุม 110 ล้านบาท

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ระบุว่า วันนี้ต้องลดค่าใช้จ่าย สาธารณูปโภคของอุตสาหกรรม โดยเฉพาะค่าไฟ วันนี้ถ้าจะแก้ปัญหาต้องกระจายอำนาจ กระจายทรัพยากรไม่ให้รวมศูนย์กลาง เบี้ยประชุมกรรมการกฤษฎีกาที่มี มีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) มีเบี้ยประชุม 1 ปี มีเบี้ยประชุม 110 ล้านบาท เป็นงบประมาณมากว่า อบต. และวิจัยโควิด-19 ที่เบี้ยประชุมสูงมาก เพราะให้ความมั่นคงของรัฐ จะออกกฎหมายอะไรก็ได้ให้อำนาจของรัฐมีอยู่ ไม่ไว้ใจประชาชน 

ทวี สอดส่อง พรรคประชาชาติ 8713945059078_6096573714207156327_n.jpg

พลังปวงชนไทย ซัด รบ.เก็บภาษีไม่เข้าเป้า 3 แสนล้านบาท

สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ ระบุว่า รัฐบาลไม่มีวิธีแก้ปัญหา นอกจากแจกเงินที่แจกไม่เป็น แจกตอนใกล้หาเสียง และเงินก็ไหลไปที่กระเป๋าเจ้าสัว ใน 6 ปีที่ผ่านมามีการใช้เงินกว่า 20 ล้านล้านบาท ใช้แล้วเศรษฐกิจก็แย่ลง เป็นรัฐบาลที่กู้เงินเยอะที่สุด และไม่คิดว่ามาก่อนว่าจะมีผู้บริหารห่วยแตกขนาดนี้

นิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย ระบุว่า ปัญหาตอนนี้อยู่ที่การส่งไม่ออกตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์มายึดอำนาจปี 2557 รวมทั้งยังสืบทอดอำนาจอีก เราให้โอกาส พล.อ.ประยุทธ์มานานแล้ว และทำให้ประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจอันดับ 1 ของโลก ถ้ารอการช่วยเหลือจากรัฐบาลจะยาก อีกทั้ง งบประมาณ ปี 2563-2564 นั้นหมดไปกับงบประมาณกองทัพด้านความมั่นคง และมีการเก็บภาษีไม่เข้าเป้าถึง 3 แสนล้านบาท ดังนั้น การบริหารของรัฐบาลขาดประสิทธิภาพ หลอกเราจะมีรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง ปกป้องเงินภาษี แต่ประชาชนบอกว่าเป็นรัฐธรรมนูญโคตรโกง ปกป้องคนโกง ปกป้องเผด็จการ

ฝ่ายค้าน โควิด เสวนา 5_262801794877940_3483824635617411176_n.jpgนิคม บุญวิเศษ_2764681380442395_3028446189798109396_n.jpg