ไม่พบผลการค้นหา
อาจารย์ม.เกษตรผู้เปิดประเด็น 'หน้ากากสิระ' พาทนายขึ้นศาลอาญา เอาผิด 'สิระ' 3 ข้อหา เรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท กรณีหมิ่นเกียรตินักวิชาการ ปมหน้ากากไร้มาตรฐาน หวังสร้างบรรทัดฐานไม่มีใครมีอภิสิทธิ์เหนือกฎหมาย

รศ. วีรชัย พุทธวงศ์ คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หรือ "อาจารย์อ๊อด" เดินทางมาที่ศาลอาญา พร้อมนายสุธีพงศ์ ชีวิตเจริญ ทนายความ เพื่อฟ้องร้องดำเนินคดีเอาผิด นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ใน 3 ฐานความผิด คือ หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา, ดูหมิ่นซึ่งหน้าและดูหมิ่นด้วยการโฆษณา โดยเรียกร้องค่าเสียหาย 5 ล้านบาท จากกรณีที่นายสิระ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 13 มี.ค. ที่ผ่านมา กล่าวหาในทางเสียหาย หลังตรวจสอบหน้ากากอนามัยที่ไม่ได้มาตรฐาน เหตุเกิดที่สถานีตำรวจนครบาลหรือ สน.ทุ่งสองห้อง ที่อาจารย์อ๊อดไปเป็นพยาน ตามหมายเรียกของตำรวจ และถูกหน่วงตัวไว้เพื่อให้นายสิระ มาด่าทอตามที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ

รศ. วีรชัย ยืนยันว่า การตรวจสอบหน้ากากอนามัยที่มีผู้ส่งมาให้ตรวจ 2 ยี่ห้อ งั้นเป็นไปตาม 1 ใน 4 บทบาทของอาจารย์มหาวิทยาลัยต่อสังคม คือ สอน, วิจัย, บริการวิชาการ และทำนุศิลปวัฒนธรรมของชาติ และถูกเรียกตัวไปเป็นพยาน ซึ่งตนให้ความร่วมมือกับทางตำรวจ แต่มีทั้งผู้กำกับและรองผู้กำกับมาสอบสวนเองและพยายามหน่วงตนไว้ ก่อนที่นายสิระจะเดินทางมาที่ สน.ทุ่งสองห้อง และเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น 

อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นไม่ได้คิดอะไรแต่เมื่อปรึกษากับผู้หลักผู้ใหญ่ และผู้ที่ให้กำลังใจจำนวนมาก จึงเห็นว่าควรปกป้องศักดิ์ศรีทางวิชาการของตนและศักดิ์ศรีของมหาวิทยาลัยด้วย หวังให้คดีนี้เป็นบรรทัดฐานทางสังคมว่า ทุกอาชีพมีศักดิ์ศรี ว่าทุกคนคือประชาชนคนไทยที่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ไม่มีใครมีอภิสิทธิ์ทั้งสิ้น แม้แต่ตนเองหรือนายสิระ ไม่มีใครมีอภิสิทธิ์อยู่เหนือกฎหมาย และรอให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน คาดว่าน่าจะใช้เวลาราว 3 ปี ให้ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน ซึ่งฝ่ายตนมีพลเมืองดีและสื่อมวลชนเป็นพยานในคดีให้

พร้อมกันนี้ ยังระบุว่า เชื่อว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงใน สน.ทุ่งสองห้อง น่าจะรู้เห็นเป็นใจกับนายสิระ แต่ขอตั้งเป็นข้อสังเกตไว้เฉยๆ และกำลังพิจารณาว่าจะร้องเรียนถึงนายกรัฐมนตรีในกรณีนี้หรือไม่ด้วย 

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาติดต่อกับนายสิระ มาโดยตลอดตั้งแต่นายสิระ เป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. เนื่องจากต้นก็เป็นที่ปรึกษา สปช.ด้วย แต่ปกตินายสิระชอบสื่อสารผ่านไลน์ ซึ่งตนได้บล็อกไปแล้ว แต่ยังเหลือเบอร์โทรศัพท์มือถืออยู่ ส่วนผู้ให้กำลังใจทางโซเชียลมีเดีย มีประมาณร้อยละ 90 ที่เหลือ มีการมาคอมเมนต์ ในเฟซบุ๊กด่าทอตน แต่ก็ยอมรับในฐานะนักวิชาการที่เป็นบุคคลสาธารณะ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :