น.ส.นภาพร เพ็ชร์จินดา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย เปิดเผยว่า จากการพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ต่างสะท้อนไปในทิศทางเดียวกันว่า รู้สึกหมดหวังและเศร้าใจเป็นอย่างยิ่ง หลังมีข่าวพรรคร่วมรัฐบาลจับมือกันวอร์กเอาต์ออกจากที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญงบประมาณประจำปี 2564 จนทำให้การประชุมเรื่องสำคัญของชาติต้องล่มไป รวมทั้งข่าวคนนอกที่มีความรู้ความสามารถหลายคนต่างปฎิเสธไม่เข้าร่วมคณะรัฐมนตรีกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อันเนื่องมาจากการไม่ยอมรับในตัว พล.อ.ประยุทธ์ เอง

ช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อทางด้านเศรษฐกิจเช่นนี้ แทนที่รัฐบาลจะเป็นที่พึ่งหลักของประชาชน กลับมัวแต่เล่นเกมแย่งเก้าอี้ดนตรีกันเองโดยไม่สนใจความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชนที่กำลังดิ้นรนอย่างหนักจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ที่สำคัญ ตั้งแต่หมดรอบการแจกเงินเยียวยา 5,000 บาท ไปเมื่อเดือน มิ.ย. จนกระทั่งตอนนี้ ก็ยังไม่มีมาตรการอะไรใหม่ๆ ออกมา นอกจากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ที่มีประโยชน์เฉพาะคนที่พอมีเงินเหลือ ส่วนคนที่ยังตกงานว่างงานอีกนับ 10 ล้านคน มาถึงวันนี้ยังไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองเลยว่าจะมีโอกาสได้กลับไปทำงานอีกหรือไม่

น.ส.นภาพร กล่าวอีกว่า ปัญหาต่างๆ รุมเร้ารัฐบาลรอบด้าน ทั้งสถานการณ์เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ การชุมนุมขับไล่รัฐบาลของนักศึกษา แต่ พล.อ.ประยุทธ์ กลับลอยตัวอยู่เหนือปัญหา ทำตัวเหมือนทองไม่รู้ร้อน พอสื่อถามเรื่องการปรับ ครม.ที่ล่าช้าจนข้าราชการเข้าเกียร์ว่าง พรรคร่วมรัฐบาลแย่งชิงเก้าอี้กันเอง พล.อ.ประยุทธ์ก็จะโยนกลับไปให้เป็นเรื่องของพรรคร่วม ตัวเองไม่เกี่ยว ทั้งๆ ที่คนทั้งประเทศรู้มานานแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์กับพี่น้อง 3 ป.ล้วนเป็นผู้วางแผนและกำหนดเกมการเมืองเองทั้งหมดมาตั้งแต่ต้น 

"ดังนั้น หากการปรับ ครม.ครั้งนี้ นักธุรกิจ นักลงทุนหรือประชาชนทั่วไปไม่เชื่อมั่น โอกาสที่จะฟื้นฟูเศรษกิจก็ยิ่งยากขึ้นไปอีก ซึ่งจะทำให้ทั้งนักศึกษาและประชนชนที่เดือดร้อนจากภาวะเศรษฐกิจ รวมตัวกันไปขับไล่รัฐบาลในที่สุด จึงเป็นโอกาสสุดท้ายของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะต้องคิดให้หนักว่า การปรับ ครม.ครั้งนี้ จะยึดหลักความเชื่อมั่นของประชาชนหรือจะยึดหลักความเชื่อมั่นของนักการเมืองในพรรคร่วมรัฐบาล ที่กำลังเปิดศึกแย่งชิงเก้าอี้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย" น.ส.นภาพรกล่าว