ไม่พบผลการค้นหา
สภาสูงสหรัฐฯ โหวตให้ 'เบรทท์ คาวานอห์' เป็นผู้พิพากษาศาลสูงสุดด้วยคะแนนเฉียดฉิว ท่ามกลางกระแสต่อต้านว่าไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง หลังถูกกล่าวหาเคยคุกคามทางเพศ

นายเบรทท์ คาวานอห์ได้รับการรับรองให้เป็นผู้พิพากษาศาลสูงสุดของสหรัฐฯ คนที่ 114 อย่างเป็นทางการแล้ว ด้วยมติ 50 - 48 เสียงจากวุฒิสภาสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในการลงมติเลือกผู้พิพากษาศาลสูงสุดที่คะแนนเฉียดฉิวที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ และจะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 9 ต.ค.นี้

ผู้พิพากษาคาวานอห์สาบานตนเข้ารับตำแหน่งผู้พิพากษาสูงสุดของสหรัฐฯ อย่างเงียบๆในช่วงเย็นวันเสาร์ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น โดยมีภรรยาและลูกสาวอีก 2 คนอยู่เคียงข้าง แม้พิธีสาบานตนของผู้พิพากษาหลายคนที่ผ่านมาจะมีการถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์ก็ตาม แต่ครั้งนี้ ศาลสูงสุดสหรัฐฯ นำภาพนิ่งออกมาเผยแพร่เท่านั้น

ด้านนายโดนัลด์ ทรัมปื ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้เสนอชื่อนายคาวานอห์ขึ้นเป็นผู้พิพากษาศาลสูงสุด ได้ทวีตข้อความยินดีกับการรับรองตำแหน่งของนายคาวานอห์ โดยเขาเคยกล่าวชื่นชมว่านายคาวานอห์เป็นผู้พิพากษาที่มีความรู้ความสามารถมากและเหมาะสมกับตำแหน่งนี้มาก



ประท้วงพฤติกรรมรุนแรงทางเพศของคาวานอห์

การรับรองนายคาวานอห์มีขึ้นท่ามกลางการประท้วงของชาวอเมริกันหลายคนที่เดินทางไปชูป้ายต่อต้านนายคาวานอห์หน้าอาคารรัฐสภาที่กรุงวอชิงตัน โดยฝ่ายต่อต้านเห็นว่านายคาวานอห์ไม่มีความเหมาะสมกับการเป็นผู้พิพากษาศาลสูงสุด เนื่องจากเขาเพิ่งถูกกล่าวหาว่าเคยติดแอลกอฮอล์ และเคยคุกคามทางเพศผู้หญิงอย่างน้อย 3 คน

หนึ่งในผู้กล่าวหาคือ นางคริสตีน บลาซีย์ ฟอร์ด อาจารย์ด้านจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยแพโล แอลโต และนักวิจัยด้านจิตวิทยาจากคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด โดยเธอได้ขึ้นให้การต่อคณะกรรมาธิการตุลาการของวุฒิสภาสหรัฐฯ กรณีที่เธอกล่าวหาว่า เบรทท์ คาวานอห์ ผู้พิพากษาสหรัฐฯ วัย 53 ปี เคยประทุษร้ายทางเพศเธอตอนที่ทั้งคู่ยังเป็นนักเรียนมัธยมปลาย และเธอไม่ได้จำคนผิดแม้เหตุการณ์จะผ่านมานานแล้ว 36 ปี 

อย่างไรก็ตาม นายคาวานอห์ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด พร้อมระบุว่าเป็นเรื่องเหลวไหลที่มาจากความคลุมเครือไม่ชัดเจน อีกทั้งยังกล่าวหานางฟอร์ดว่าเป็นเครื่องมือของพรรคเดโมแครตที่ต้องการแก้แค้นที่นายคาวานอห์เคยตรวจสอบกรณีที่มีการกล่าวหาว่านายบิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมทางเพศกับโมนิกา ลูวินสกี พนักงานฝึกงานในทำเนียบขาวขณะนั้น ซึ่งท่าทีที่แข็งกร้าวของนายคาวานอห์ระหว่างให้การต่อคณะกรรมาธิการตุลาการของวุฒิสภาสหรัฐฯ ก็ทำให้เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีพอจะเป็นผู้พิพากษาศาลสูงสุด

การเสนอชื่อนายคาวานอห์ขึ้นเป็นผู้พิพากษาศางสูงสุดของสหรัฐฯ มีขึ้นในช่วงที่ขบวนการเคลื่อนไหวต่อต้านการคุกคามทางเพศ #MeToo ได้รับความสนใจไปทั่วโลก ทำให้เรื่องเพศถูกยกขึ้นมาถกเถียงกันทางการเมืองด้วย แต่การประท้วงครั้งนี้ทำให้หลายคนรู้สึกหมดกำลังใจ เนื่องจากพวกเขารู้สึกว่าส.ส.และส.ว.ที่พวกเขาเลือกเข้าไปในนั่งในสภาคองเกรสไม่ยอมฟังเสียงของประชาชน

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อการเสนอชื่อผู้พิพากษาสูงสุดของสหรัฐฯ ในครั้งนี้ถือเป็นรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ นับตั้งแต่ปี 1991 ที่แอนิตา ฮิลล์ อาจารย์ด้านกฎหมายกล่าวหาว่าผู้พิพากษาแคลเรนซ์ โธมัส ซึ่งได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้พิพากษาสูงสุดของสหรัฐฯ โดยนายจอร์จ เอช ดับเบิลยู บุช เคยคุกคามทางเพศเธอ



ประท้วงเบรทท์ คาวานอห์ Brett Kavanaugh

(ผู้ประท้วงต่อต้านเบรทท์ คาวานอห์เป็นผู้พิพากษาศางสูงสุดของสหรัฐฯ บริเวณหน้าอาคารรัฐสภา)


ฝ่ายอนุรักษ์นิยมครองเสียงข้างมากในศาลสูงสุดสหรัฐฯ

การที่นายคาวานอห์ได้รับเลือกให้เป็นผู้พิพากษาศาลสูงสุดของสหรัฐฯ ถือเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ของพรรครีพับลิกันและฝ่ายอนุรักษ์นิยม เพราะนายคาวานอห์เป็นผู้พิพากษาฝ่ายอนุรักษ์์นิยม และจะมาดำรงแทนผู้พิพากษาแอนโธนี เอ็ม เคนเนดี ซึ่งที่ผ่านมา เป็นผู้พิพากษาที่ไม่ได้โหวตเข้าข้างฝ่ายอนุรักษ์นิยมหรือเสรีนิยมทุกครั้ง จึงเป็นเสียงที่มักทำให้ผลโหวตพลิกผันไปได้ แต่เมื่อนายคาวานอห์มานั่งเก้าอี้นี้แทนจะทำให้ฝ่ายอนุรักษ์นิยมครองเสียงข้างมากในศาลสูงสุด

ผู้พิพากษาศาลสูงสุดเป็นตำแหน่งที่ไม่มีกำหนดวาระ หมายความว่าผู้พิพากษาทั้ง 9 คนสามารถดำรงตำแหน่งไปจนกว่าจะเสียชีวิตหรือขอเกษียณตัวเอง การให้นายคาวานอห์ ซึ่งอายุเพียง 53 ปีขึ้นดำรงตำแหน่งนี้ จึงถือเป็นการวางรากฐานในศาลสูงสุดที่มั่นคงยาวนานมากของฝ่ายอนุรักษ์นิยม และจะส่งผลกระทบต่อการตัดสินคดีความและนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลหลังจากนี้ด้วย

ฝ่ายต่อต้านนายคาวานอห์กังวลว่า เมื่อนายคาวานอห์ขึ้นดำรงตำแหน่งแล้วอาจทำให้กฎหมายที่ออกโดยฝ่ายเสรีนิยมจะถูกเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมปืน ความเป็นกลางทางอินเทอร์เน็ต

มีความเป็นไปได้ว่า ศาลสูงสุดอาจกลับคำตัดสิน Roe v. Wade ที่ระบุว่า ประชาชนมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญในการเข้าถึงการทำแท้งอย่างปลอดภัยและถูกกฎหมาย เพราะนายทรัมป์เคยประกาศว่าเขาจะแต่งตั้งผู้พิพากษาที่จะกลับคำตัดสินนี้ เพื่ออนุญาตให้แต่ละมลรัฐมีอำนาจในการกำหนดเองว่าจะอนุญาตการทำแท้งอย่างถูกกฎหมายหรือไม่

นอกจากนี้ หลายฝ่ายยังกังวลเกี่ยวกับมุมมองของนายคาวานอห์ด้านการขยายอำนาจประธานาธิบดี รวมถึงข้อเสนอที่เขาเคยเสนอให้สภาคองเกรสพิจารณาให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้รับสิทธิคุ้มกันจากการถูกสอบสวนหรือถูกดำเนินคดีในขณะที่กำลังดำรงตำแหน่ง แต่ให้มีการใช้กระบวนการถอดถอนประธานาธิบดีในสภาคองเกรส

เสียงวิจารณ์การรับรองนายคานาวอห์

การรับรองนายคานาวอห์เกิดขึ้นเพียงนานก่อนที่จะมีการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ในเดือนพ.ย.นี้ ซึ่งพรรครีพับลิกันเชื่อว่าชัยชนะที่ได้จากการเสนอชื่อนายคานาวอห์จะทำให้เกิดแรงผลักดันให้ฝ่ายอนุรักษ์นิยมยิ่งเข้มแข็งขึ้น และได้ครองเสียงข้างมากสภาคองเกรสต่อไป แต่นักวิเคราะห์บางส่วนก็ออกมาเตือนว่าให้จับตาดูว่าการแต่งตั้งนายคานาวอห์จะส่งผลต่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นผู้หญิงอย่างไรบ้าง

ขณะที่นายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต แสดงความผิดหวังกับการลงมติในครั้งนี้ พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการเสนอชื่อนายคานาวอห์ไปช่วยกันเลือกตั้งส.ส.และส.ว.จากพรรคเดโมแครต โดยเขาระบุว่า "มีเพียงคำตอบเดียวเท่านั้นก็คือ เลือกตั้ง"

ด้านนิโคล ออสติน ฮิลเลอรี ผู้อำนวยการฮิวแมนไรท์วอทช์ประจำสหรัฐฯ วิจารณ์ว่า ส.ว. ที่ลงมติเห็นชอบให้คานาวอห์ได้เป็นผู้พิพากษาสูงสุด กำลังบอกกับผู้รอดชีวิตจากการถูกคุกคามทางเพศว่า สิทธิของพวกเขาไม่สำคัญอะไรเลย

ก่อนหน้านี้ ผู้พิพากษาเอเลนา เคแกนและโซเนีย โซโตไมเออร์ ผู้พิพากษาศาลสูงสุดผู้หญิง 2 คนที่ได้รับการแต่งตั้งโดยนายบารัก โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครตแสดงความกังวลว่า ความแตกแยกที่เกิดขึ้นจากการเสนอชื่อนายคาวานอห์จะทำลายชื่อเสียงของศาลสูงสุด

ผู้พิพากษาเคแกนระบุว่า ความเข้มแข็งและความชอบธรรมของศาลสูงสุดส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับการที่ประชาชนไม่เห็นว่าศาลเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างการบริหารประเทศในขณะนี้ กล่าวคือ ประชาชนคิดว่าศาลไม่ได้แตกแยกทางการเมืองเหมือนกับที่เห็นในการเมืองส่วนอื่นๆ ศาลสูงสุดควรต้อง "อยู่เหนือการทะเลาะเบาะแว้ง"


ที่มา : The New York Times, BBC, CNN


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :