ไม่พบผลการค้นหา
Clockenflap มักเคลมว่าตัวเองเป็นเทศกาลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่แหม เทศกาลไหนในโลกก็โม้แบบนี้ทั้งนั้นแหละ แม้ปรามาสในใจ แต่เมื่อ คันฉัตร รังษีกาญจน์ส่อง ไปเจอเอง บอกเลยว่าเขาทำได้จริง!

เมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมาผู้เขียนได้เดินทางไปเทศกาลดนตรี Clockenflap ที่ฮ่องกงมาครับ โดยปีนี้มีความพิเศษเพราะเป็นวาระครบรอบสิบปีของเทศกาล เมื่อเดินเข้างานไปจะพบป้ายบิลบอร์ดใหญ่โตพร้อมสโลแกนยียวนว่า 10 Years of Being Silly หรือเป็นนัยว่านี่คือสิบปีแห่งความงี่เง่าที่ทู่ซี้จัดงานมา ทั้งที่เทศกาลดนตรีนี่แหละคือสุดยอดของความวายป่วงแล้ว


Clockenflap 2017 (2).JPG

อย่างไรก็ดี สิบปีที่ผ่านมานั้นหาได้สูญเปล่า Clockenflap เริ่มขึ้นปีแรกในปี 2008 งานจัดเพียงวันเดียว มีแต่วงดนตรีเล็กๆ และจำนวนคนดูเพียง 1500 คนเท่านั้น แต่ปัจจุบันเทศกาลจัดยาวถึงสามวัน มีวงดนตรีระดับแนวหน้าเข้าร่วมมากมาย

อย่างปีนี้มี Massive Attack, The Prodigy และ Kaiser Chiefs ส่วนคนร่วมงานก็แตะระดับหลักหมื่นใกล้แสนมากขึ้นทุกที ข่าวรายงานว่าเทศกาลในปี 2015 มีผู้เข้าชมถึง 60,000 คน จนทำให้ Clockenflap ถือเป็นหนึ่งในเทศกาลดนตรีสำคัญของภูมิภาคเอเชีย 

แน่นอนว่าถ้าพูดถึงเทศกาลดนตรี คนยอมมุ่งความสนใจไปเรื่องประเภทว่ามีวงอะไรเล่นบ้าง วงไหนเล่นดีสุด วงไหนคนดูเยอะที่สุด ฯลฯ แต่ก่อนจะไปเรื่องนั้น ผู้เขียนขอเล่าถึงความน่าสนใจในแง่มุมอื่นก่อนครับ ประเด็นแรกคือ Clockenflap มักเคลมว่าตัวเองเป็นเทศกาลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่แหม เทศกาลไหนในโลกก็โม้แบบนี้ทั้งนั้นแหละ ผู้เขียนเลยปรามาสในใจว่าผู้จัดคงพูดไปงั้นๆ


Clockenflap 2017 (3).JPG

แต่เพียงก้าวเข้าเทศกาล ผู้เขียนก็ได้พบกับความดีงามที่แทบทำเอาน้ำตาไหล นั่นคือเทศกาลนี้เขามีน้ำเปล่าแจกฟรีทั้งงานครับ! แถมยังมีกระติกน้ำแถมให้ด้วย (แต่ความฮาคือต้องกดไลค์เพจกระติกก่อน เขาถึงจะแจกให้ การตลาดแบบไทยมากๆ) ซึ่งทำให้ปริมาณขยะจากขวดน้ำหรือแก้วน้ำลดลงไปมาก แถมยังประหยัดเงินได้มากโข (ผู้เขียนเคยเจอเทศกาลหนึ่งในสิงคโปร์ที่น้ำเปล่าขวดละ 125 บาท เพราะเป็นน้ำจากเกาะฟิจิ)


Clockenflap 2017 (4).JPG

อีกสิ่งที่ Clockenflap พยายามประชาสัมพันธ์ในช่วงก่อนถึงวันงานคือ การรณรงค์ให้ทุกคนช่วยกันแยกขยะ อันนี้ก็แคลงใจเหมือนกันว่าจะทำได้เหรอ ปรากฏว่าเขาใช้วิธีให้เจ้าหน้าที่มาประจำถังขยะแต่ละจุดเลยครับ (น้องเสื้อเขียวในรูป) นอกจากแต่ละถังจะมีป้ายแปะไว้ชัดเจน บรรดาเจ้าหน้าที่จะคอยแนะนำว่าพลาสติกทิ้งถังนี้ เศษอาหารทิ้งอีกถังนะจ๊ะ อย่างไรก็ดี ยังมีพวกที่ทิ้งขยะเกลื่อนกลาดตามพื้นอยู่ดี อันนี้เป็นเรื่องของคนแล้ว คงไม่มีทางแก้ไขอะไรได้ (พิมพ์ไปพร้อมถอนหายใจ...)


Clockenflap 2017 (5).JPG

อีกนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของ Clockenflap คือ การซื้อขายทั้งงานใช้ระบบ Cashless กล่าวคือ เราจะต้องเติมเงินลงในสายรัดข้อมือ จากนั้นไม่ว่าจะซื้ออาหาร เครื่องดื่ม เสื้อยืด ซีดี หรืออะไรก็ตาม ใช้วิธีแตะสายรัดข้อมือกับเครื่องอ่าน ไม่ต้องออกใบเสร็จเป็นกระดาษใดๆ อยากเช็คว่าเงินเหลือเท่าไร หรือซื้ออะไรไปบ้างก็สามารถเช็คได้ที่จุดเติมเงิน


Clockenflap 2017 (6).JPG

นอกจากเรื่องสิ่งแวดล้อมแล้ว อีกสิ่งที่ Clockenflap เคลมไว้ใหญ่โตคือการป่าวประกาศว่านี่เป็นเทศกาลดนตรีที่เป็นมิตรกับเด็กและครอบครัว ซึ่งจุดนี้เขาทำได้ดีทีเดียวครับ บริเวณงานนอกจากมีพวกเวทีแสดงดนตรีและซุ้มเบียร์ ทางด้านหลังจะมีสวนขนาดใหญ่ให้คนไปนั่งๆ นอนๆ และมีพวกงานศิลปะหรือการแสดงต่างๆ สำหรับเด็กด้วย งานนี้ผู้เขียนเห็นคนพาลูกเล็กๆ มาเยอะเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ (ฝรั่ง) เสียมากกว่า

ทีนี้มาพูดถึงบรรยากาศด้านดนตรีของ Cloockenflap ปีนี้บ้าง สำหรับผู้เขียนแล้วถือว่างานออกมาน่าพอใจ อาจเป็นความโชคดีที่ปีนี้อากาศเย็นสบาย มีฝนตกบ้างแต่ไม่หนักจนเละเทะ อาจมีข้อติตรงระบบเสียงที่เดี๋ยวเบาไปเดี๋ยวดังไป แต่โดยรวมถือว่าราบรื่นมาก ส่วนศิลปินที่ผู้เขียนประทับใจที่สุดมีสามรายด้วยกัน ดังนี้ครับ


Clockenflap 2017 (8).JPG

1. Wednesday Campanella

สาวเจป๊อปที่มาแบบตัวคนเดียว จนผู้เขียนอดห่วงไม่ได้ว่าเธอจะเอาคนดูระดับหมื่นคนอยู่หรือไม่ แต่ปรากฏว่าเธอทำได้อย่างน่าอัศจรรย์ด้วยลีลาการแสดงสดแบบบ้าระห่ำ ไม่ว่าจะการเดินฝ่ามาหาคนดู การปีนบันไดสูงขึ้นไปยืนร้องเพลง หรือกระทั่งการเอาตัวเองเข้าไปในลูกบอลยักษ์แล้วให้คนดูช่วยผลักไปมา แต่นอกจากจะลูกเล่นเยอะแล้ว เธอยังร้องสดดีมากด้วย



Clockenflap_Massive Attack.jpg

2. Massive Attack

วงทริปฮ็อปตัวพ่อจากประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นวง finale ของเทศกาล เพลงของ Massive Attack อาจไม่ใช่เพลงที่ฟังสนุกหรือดูสดแล้วโยกตามได้ แต่มันคือเพลงที่โชว์ความชาญฉลาดและลักษณะแบบปัญญาชน ทางวงนำเสนอแนวคิดด้านทางเมืองอย่างไม่ปิดบัง ด้วยการขึ้นหัวข้อข่าวต่างๆ บนจอเป็นระยะ มีตั้งแต่เรื่องนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ วิกฤตผู้ลี้ภัย ไปจนถึงความตึงเครียดระหว่างฮ่องกงกับจีนแผ่นดินใหญ่ซึ่งเรียกเสียงเฮจากคนดูได้ทั้งงาน



Clockenflap 2017 (10).JPG

3. Young Fathers

ถือเป็นวงที่ผู้เขียนเซอร์ไพรส์มาก ส่วนตัวแล้วเป็นคนไม่ได้ชอบเพลงแนวฮิปฮอปนัก แต่สามหนุ่มสามมุมจากสก็อตต์แลนด์วงนี้สามารถทำให้ผู้เขียนยืนดูจนจบโดยไม่วอกแวกเล่นมือถือเลย การแร็ปของพวกเขาดุดันมาก ส่วนในภาคดนตรีมีความซับซ้อนไม่เหมือนใคร ถือเป็นศิลปินที่มีความออริจินอลสูงมาก

แม้จะจบงาน Clockenflap ไปเพียงไม่กี่วัน แต่ตอนนี้ผู้จัดงานได้ประกาศวันจัดงานของปี 2018 แล้วเรียบร้อย นั่นคือ 9-11 พฤศจิกายน 2018 ใครที่อยากลองไปงานนี้ก็จดลงปฏิทินไว้นะครับ ไม่แน่ว่าเราอาจจะได้เจอกัน

ขอส่งท้ายด้วยวิดีโอการแสดงสดสั้นๆ แต่ร้อนแรงของ Wednesday Campanella จ้า