ไม่พบผลการค้นหา
เคที ฮอปกินส์ นักวิจารณ์การเมืองในอังกฤษที่มีแนวคิดอนุรักษนิยมสุดโต่ง และเคยเรียกผู้อพยพว่า 'แมลงสาบ' ถูกทวิตเตอร์ระงับบัญชีเป็นการถาวร หลังมีการเผยแพร่ข้อความละเมิดนโยบายห้ามพฤติกรรมที่แสดงถึงความเกลียดชัง

เว็บไซต์ The Guardian สื่อของอังกฤษ รายงานว่า เคที ฮอปกินส์ เป็นนักวิจารณ์การเมืองและอดีตคอลัมนิสต์ของเว็บไซต์ Mail Online ผู้โด่งดังหลังจากเข้าร่วมรายการเรียลลิตี้โชว์ The Apprentice เมื่อปี 2550 ถูกทวิตเตอร์ระงับบัญชีของเธอที่เพิ่งมีผู้ติดตามมากกว่า 1.1 ล้านคนเมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา

โฆษกของทวิตเตอร์ยืนยันข้อมูลดังกล่าว โดยระบุว่าการระงับบัญชีของฮอปกินส์ถาวร เป็นไปเพื่อรักษาความปลอดภัยของทวิตเตอร์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ เพราะทวิตเตอร์ไม่มีพื้นที่ให้กับการละเมิดและการกระทำที่แสดงถึงความเกลียดชัง และทวิตเตอร์จะดำเนินการทันทีเมื่อมีการละเมิดกฎการใช้งานเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม ทวิตเตอร์ไม่ได้ระบุว่าข้อความใดของฮอปกินส์ที่เข้าข่ายละเมิดนโยบายด้านพฤติกรรมแสดงความเกลียดชัง หรือ hateful conduct policy แต่เดอะการ์เดียนรายงานเพิ่มเติมว่า ฮอปกินส์เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากการเรียกผู้ลี้ภัยและผู้อพยพว่าคือ 'แมลงสาบ'

นอกจากนี้ ฮอปกินส์ยังเคยทวีตข้อความระบุว่า ภาพข่าวที่แสดงให้เห็นร่างของเด็กชายผู้ลี้ภัยชาวซีเรียซึ่งเสียชีวิตขณะพยายามหลบหนีจากภัยสงคราม ถูกคลื่นซัดขึ้นฝั่งในประเทศแถบยุโรป เป็นการ 'จัดฉาก' รวมถึงเคยเรียกร้องให้ผู้ที่มีอาการสมองเสื่อมถูกกักตัวในโรงพยาบาล ไม่ให้มีสิทธิเดินทางไปไหนมาไหน

ขณะที่ CNN สื่อในสหรัฐอเมริกา รายงานว่า ข้อความในทวิตเตอร์ของฮอปกินส์ ได้รับความสนใจจากโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพราะมีการรีทวีตข้อความของฮอปกินส์แล้วหลายครั้ง รวมถึงข้อความที่เป็นการโจมตีผู้อพยพลี้ภัย

นับตั้งแต่ทวิตเตอร์ออกแถลงการณ์ว่าจะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบข้อมูลและสกัดการเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนและข้อมูลที่เป็นเท็จ มีบุคคลมีชื่อเสียงหลายราย รวมถึง ปธน. ทรัมป์ ถูกติดป้ายเตือนจากทวิตเตอร์ว่าเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จบางส่วน และอาจเข้าข่ายละเมิดนโยบายด้านต่างๆ เช่น พฤติกรรมแสดงความเกลียดชัง ทำให้ทรัมป์วิจารณ์ว่าทวิตเตอร์เป็นสื่อเลือกข้างฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล

ข้อความแบบไหนถึงเข้าข่าย 'แสดงความเกลียดชัง'?

ที่ผ่านมา ทวิตเตอร์เผยแพร่รายละเอียด 'นโยบายด้านพฤติกรรมที่แสดงถึงความเกลียดชัง' ในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ โดยระบุว่า "อิสระทางการแสดงความคิดเห็นจะไร้ความหมาย หากทุกคนปิดกั้นเสียงของตัวเองเพราะกลัวที่จะพูด

เราจะไม่เพิกเฉยต่อการกระทำที่เป็นการคุกคาม ข่มขู่ หรือใช้ความกลัวเพื่อให้ผู้ใช้ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น หากเห็นว่ามีสิ่งใดบนทวิตเตอร์ที่ละเมิดข้อบังคับเหล่านี้ โปรดรายงานเรื่องดังกล่าวต่อเรา"

ส่วนวิธีบังคับใช้นโยบายของทวิตเตอร์ ระบุว่า 'ห้าม' พฤติกรรมที่เข้าข่ายแสดงความเกลียดชัง ซึ่งรวมถึง "ห้ามมิให้สนับสนุนความรุนแรง หรือโจมตี หรือข่มขู่ผู้อื่นโดยตรง ในเรื่องเชื้อชาติ ชาติพันธุ์ ถิ่นที่ถือสัญชาติ ความสนใจทางเพศ เพศ ศาสนา อายุ ความพิการ หรือโรค

ห้าม 'การคุกคามที่จะใช้ความรุนแรง' ไม่ว่าจะเป็นความต้องการทำร้ายร่างกาย ทำให้เสียชีวิต หรือทำให้เป็นโรคแก่บุคคล หรือกลุ่มบุคคล การอ้างอิงถึงการฆาตกรรมหมู่ กิจกรรมความรุนแรง หรือวิธีการที่ก่อให้เกิดความรุนแรง ซึ่งมีกลุ่มบุคคลดังกล่าวตกเป็นเป้าหมายหลักหรือเหยื่อ

ห้ามการกระทำที่กระตุ้นความกลัวเกี่ยวกับกลุ่มที่ได้รับความคุ้มครอง ห้ามใช้คำใส่ร้าย คำหยาบ คำเหยียดผิว และคำกีดกันทางเพศ หรือเนื้อหาใดซ้ำๆ และ/หรือ ไม่เป็นที่ยอมรับ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่เป็นการลดค่าของบุคคล

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: