ไม่พบผลการค้นหา
ป.ป.ช. ยื่นฟ้อง 'ทักษิณ ชินวัตร' ต่อศาลฎีกา แผนกคดีนักการเมือง ขณะเป็นนายกฯ ใช้อำนาจให้กระทรวงการคลังเข้าไปเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูบริษัททีพีไอ ชี้กฎหมายไม่เปิดช่องให้ส่วนราชการเข้าไปบริหารบริษัทเอกชน

นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่า วันนี้ (7 พ.ค.) พนักงานคดีสำนักคดี สำนักงาน ป.ป.ช. ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปยื่นฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

โดยคดีนี้สืบเนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายทักษิณ เมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2553 กรณีนายทักษิณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีอำนาจหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน ตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 ประกอบ พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ.2545 มีอำนาจกำกับและควบคุมกำกับหน่วยงานของรัฐในฝ่ายบริหารทั้งหมด ซึ่งเมื่อปี 2546 นายทักษิณ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้เห็นชอบและยินยอมให้กระทรวงการคลังเข้าเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท อุตสาหกรรมปิโตเคมีกัลไทย จำกัด (ทีพีไอ) ตามที่ รมว.คลัง เข้าปรึกษา จนนำไปสู่การทำหนังสือยิมยอมของ รมว.คลังให้กระทรวงการคลังเข้าเป็นผู้บริหารแผนของทีพีไอ

โดยมีรายชื่อคณะผู้บริหารแผนตามที่นายทักษิณ เสนอและกระทรวงการคลังเข้าไปเป็นผู้บริหารแผน

นายวรวิทย์ ระบุว่า การกระทำของนายทักษิณ เมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นการกระทำทั้งที่รู้อยู่ว่ากระทรวงการคลังเป็นส่วนราชการ ไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายที่จะเข้าไปเป็นผู้บริหารแผนกิจการหรือจัดการทรัพย์สินให้กับบริษัทเอกชน เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่กระทรวงการคลังและเสียหายต่อระบบราชการ จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และได้ส่งอัยการสูงสุดดำเนินคดี

ต่อมามีการแต่งตั้งคณะทำงานผู้แทนฝ่ายอัยการสูงและคณะกรรมการ ป.ป.ช. ขึ้นมารวบรวมพยานหลักฐานร่วมกัน แต่คณะทำงานดังกล่าวไม่อาจหาข้อยุติได้

ดังนั้น ในวันนี้ (7 พ.ค.) คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมอบหมายให้พนักงานคดีสำนักงาน ป.ป.ช. ดำเนินการยื่นฟ้องเองต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นคดีหมายเลขดำที่ อม. 40/2561 

โดยคดีนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ยื่นฟ้องพร้อมคำร้องขอให้ศาลประทับรับฟ้องไว้พิจารณา กรณีไม่ปรากฎตัวจำเลยต่อหน้าศาล โดยอาศัยเหตุตามเงื่อนไขการยื่นฟ้องโดยไม่ปรากฎตัวจำเลยต่อหน้าศาล ตามมาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 เนื่องจากจำเลยไม่มารายงานตัวและศาลได้เคยออกหมายจับในคดีอื่นไว้แล้ว.

2 คดีร้อนจ่อเดินหน้าพิจารณาครั้งแรก

สำหรับคดีที่เคยฟ้องไว้แล้ว และคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้ดำเนินการยื่นคำร้องขอยกคดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีขึ้นพิจารณาใหม่อีก 2 คดี คือ คดีทุจริตการอนุมัติให้กู้เงินแก่รัฐบาลสหภาพพม่า 4,000 ล้านบาท หรือเอ็กซิม แบงค์ และคดีทุจริตโครงการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือคดีหวยบนดิน

มีความคืบหน้า ดังนี้

1) คดีหมายเลขดำที่ อม. 3/2551 คณกะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียแก่รัฐ (คตส.) โดยคณะกรรมการป.ป.ช. ผู้เข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์ นายทักษิณ จำเลย ในคดีเอ็กซิม แบงค์ ศาลนัดพิจารณาคดีครั้งแรกวันที่ 4 ก.ค.นี้

2) คดีหมายเลขดำที่ อม.1/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 10/2552 คตส.โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผู้เข้าเป็นคู่ความแทน โจทก์ นายทักษิณ กับพวกรวม 47 คนเป็นจำเลย คดีหวยบนดิน โดยศาลนัดพิจารณาคดีครั้งแรกวันที่ 25 ก.ค.นี้

ข่าวเกี่ยวข้อง :