ไม่พบผลการค้นหา
คอหนังซอมบีที่รอชมฉากไล่ล่าและศึกแย่งชิงบัลลังก์ในยุคโบราณ คงไม่พลาด Kingdom แต่สิ่งที่เพิ่มมาในซีซัน 2 คือการศึกษาข้อมูล 'ระบาดวิทยา' เพื่อหาทางรักษา 'ผู้ติดเชื้อ' ที่ดูจะสอดคล้องกับสถานการณ์โรคระบาดใน 'โลกจริง'

การตั้งชื่อซีรีส์ Kingdom ของเน็ตฟลิกซ์เป็นภาษาไทยว่า 'ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด' ก็ตรงตัวอยู่แล้วว่านี่คือเรื่องราวเกี่ยวกับผีดิบ หรือซอมบี (หรืออสุรกาย ตามคำที่ใช้ในซีรีส์) ผสมกับการแย่งชิงบัลลังก์ในราชสำนักโบราณ และซีซัน 2 ก็เป็นเนื้อหาตอนที่รัชทายาท 'อีชาง' (จูจีฮุน) ต้องเผชิญหน้าคู่ปรับ 'อัครเสนาบดีโจฮักจู' (รยูซึงรยง) แถมยังเจอ 'เรื่องเซอร์ไพรส์' เหล่าซอมบีไม่หาที่หลบแสงอาทิตย์เหมือนภาคแรก

ส่วนหมอหญิงอย่าง 'ซอบี' (เบดูนา) ก็ต้องครุ่นคิดหาสาเหตุว่าทำไมเหล่าซอมบีพวกนี้ถึงไม่หนีแสงเหมือนซีซันแรก (ซึ่งอันที่จริงก็อาจจะไม่เกี่ยวกับแสงสว่างหรือพระอาทิตย์มาตั้งแต่ต้นแล้ว)

ซีซันนี้ตัวละครต่างๆ ยังคงเรียกการที่คนถูกกัดจนเป็นซอมบีว่า 'โรคระบาด' เพราะเป็นมุมมองจากตัวละครหลักๆ ที่ตามบทแล้วได้รับอิทธิพลจากแนวคิดขงจื้อ ซึ่งแพร่หลายในแถบเอเชียตะวันออกมาตั้งแต่สมัยโบราณ ผู้ที่สมาทานแนวคิดนี้จะพยายามศึกษาหา 'เหตุ' และ 'ผล' มากกว่าจะเชื่อเรื่องโชคชะตาฟ้าลิขิต 

https://occ-0-1983-58.1.nflxso.net/dnm/api/v6/9pS1daC2n6UGc3dUogvWIPMR_OU/AAAABfUW8krqvOSkkkICVesQM-v1jxFhC7ydXIMCNWiIoxE979bTyPoffqvrCdX4meoTLE4NfhDyTutO7uuQQV9FiZuuFQ2F8RE0b7fVZN7DoWcXNvqu.jpg?r=3f8
  • ซอบีและอัครเสนาบดีโจฮักจู

การที่ผู้ติดเชื้อสูญเสียสติสัมปชัญญะ และทำตามสัญชาตญาณกระหายเลือด ทำให้ 'ซอบี' ศึกษา 'จุดเริ่มต้น' เพื่อหาทางแก้ไข โดยไม่ได้มองเป็นเรื่องไสยศาสตร์เหนือธรรมชาติ ต่างจาก 'พระมเหสีสกุลโจ' (คิมฮเยจุน) ลูกสาวอัครเสนาบดีโจฮักจู ผู้หันไปหาร่างทรงซึ่งนั่งสั่นกระดิ่งดูฤกษ์งามยามดี แต่เลือกใช้วิธีอันร้ายกาจเพื่อให้ได้มาซึ่ง 'โอรส' ผู้สืบทอดบัลลังก์ โดยอ้างว่า 'ชอบธรรม' มากกว่ารัชทายาทอีชางที่เป็นเพียงลูกชายของพระสนม

ในระหว่างที่เจ้าชาย องครักษ์ ขุนนาง ผู้ว่าการ มือปืน ชาวบ้าน ไปจนถึง 'เครือข่ายวังหลัง' ของพระมเหสี สู้รบตบมือกันจนเลือดสาด แถมยังต้องรับมือการล่าเหยื่อของซอมบีกระหายเลือด ซอบีก็พยายามทดลองวิธีรักษาผู้ติดเชื้ออย่าง 'อัครเสนาบดีโจฮักจู' ที่ถูกซอมบีกัดจนหน้าเหวอะ แต่ก็ยังไม่ตายและไม่กลายร่าง สิ่งที่เธอทำเพื่อไขปริศนาซอมบีคือการรวบรวมข้อมูล 'ระบาดวิทยา' อย่างละเอียดนั่นเอง


แผนที่การแพร่ระบาดของเหล่าอสุรกาย

(เปิดเผยเนื้อหาบางส่วนที่สำคัญของซีซัน 1 และ 2)

คนดูรู้อยู่แล้วตั้งแต่ซีซันแรกว่าจุดพบซอมบี (หรือผู้ติดเชื้อ) ครั้งแรก คือ 'วังหลวง' ในเมืองฮันยาง (ที่ตั้งเดียวกับกรุงโซลของเกาหลีใต้ในปัจจุบัน) ที่ซึ่งจักพรรดิถูกเปลี่ยนให้เป็นซอมบีด้วยสารสกัดจากพืชชนิดหนึ่ง

ฝ่ายอัครเสนาบดีและพระมเหสีที่ต้องการยึดบัลลังก์ได้ปล่อยข่าวว่า 'จักรพรรดิประชวร' ห้ามใครรบกวน แม้แต่ 'รัชทายาท' ก็ไม่มีสิทธิ ส่วนเหยื่อ (หรืออาหาร?) ของจักรพรรดิซอมบี มักจะเป็นนางสนมตัวเล็กๆ หรือข้ารับใช้ที่ขัดขืนผู้มีอิทธิพลในวังหลวงไม่ได้ ผู้ถูกกัดเหล่านี้เสียชีวิต แต่ไม่กลายเป็นซอมบี และศพถูกขนไปทิ้งใน 'สระมรกต' อันกว้างใหญ่และสวยๆ แบบชวนขนลุกในรั้ววังนั่นเอง

ส่วน 'ศูนย์กลางการแพร่ระบาด' อยู่ที่ 'สำนักแพทย์จียุลฮยอน' ที่เมืองทงเน ซึ่งอยู่ห่างจากฮันยางไปไกลพอสมควร ถ้าขี่ม้าไปก็หลายวันกว่าจะถึง แต่เชื้อซอมบีแพร่ไปถึงที่นั่นเพราะ 'อดีตแพทย์หลวง' ผู้ฟื้นคืนชีพจักรพรรดิ นำร่างผู้ช่วยที่ถูกซอมบีกัดกลับไปจียุลฮยอน ซึ่งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลจากตัวเมืองทงเนพอสมควร

ขณะที่ 'สาเหตุการแพร่ระบาด' เกิดจาก 'ยองชิน' (คิมซองคยู) มือปืนบาดเจ็บซึ่งมีปูมหลังน่าสงสัยในซีซันแรก นำร่างผู้ช่วยแพทย์ที่ถูกกัดเสียชีวิตไปต้มเลี้ยงคนป่วยประมาณ 40 กว่าคนที่มาพักฟื้นในจียุลฮยอน เพราะเขาเชื่อว่า ต่อให้คนหายป่วยแล้ว แต่เจอกับภาวะอดอยาก ราชสำนักไม่แยแส "เราจะตายกันหมด" อยู่ดี

https://m.media-amazon.com/images/M/MV5BMTU3ODc5MzUwNF5BMl5BanBnXkFtZTgwODY4ODYwNzM@._V1_SX1500_CR0,0,1500,999_AL_.jpg
  • การระบาดของซอมบีที่จียุลฮยอน

คนที่กินเนื้อศพปนเปื้อน มีอาการหายใจขัด อาเจียน ตัวแข็งเกร็ง และบางรายก็ชักจนตาย ก่อนจะกลายเป็น 'พาหะ' ที่สามารถแพร่เชื้อต่อให้คนอื่นๆ ด้วยการ 'กัด' ส่วนคนที่ไม่ได้กินเนื้อปนเปื้อน แต่หนีซอมบีไม่ทัน ก็ถูกกัดจนตายและกลายเป็นผู้ติดเชื้อที่พร้อมจะแพร่โรคระบาดนี้อีกต่อหนึ่ง

ถ้าจะบอกว่าในพื้นที่แร้นแค้นและยากไร้ทำให้เกิดโรคระบาดได้ง่ายกว่าในชุมชน (หรือสังคม) ที่คนยังมีทางเลือก หรืออยู่ใต้เงาเครือข่ายอำนาจ ก็คงไม่ผิดความจริงนัก และเมื่อ 'ยองชิน' ตัดสินใจ 'ก้าวข้าม' เส้นแบ่งด้านมนุษยธรรมไปแล้ว แม้จะทำเพื่อเหตุผลด้านความอยู่รอดของผู้ป่วยที่อ่อนแอและต้องการอาหารดีๆ มีเนื้อมีหนัง แต่เขาก็ต้อง 'ชดใช้' ผลจากการกระทำของตัวเองเช่นกัน

แต่กลุ่มคนที่มีหน้าที่ดูแลความเป็นอยู่ของราษฎรใน Kingdom มี 3 แบบใหญ่ๆ คือ 1 รู้ว่าเกิดภาวะขาดแคลน แต่ไม่ได้สนใจ ขอแค่ในรั้วในวังหรือจวนแม่ทัพขุนนางยังไม่มีปัญหาก็พอ กับแบบที่ 2 คือ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เพราะอยู่ห่างไกลมวลชน กว่าจะรู้เรื่องก็สายเกินไป ส่วนแบบที่ 3 คือ พวกที่มัวแต่ยุ่งวุ่นวายกับการเมืองระดับบน เพื่อรักษาอำนาจและความเป็นชนชั้นสูงของตัวเอง แม้จะบอกว่าทำไปเพื่อสิ่งที่ดีกว่า แต่เส้นทางที่ว่าก็โชกเลือดและมี 'ชนชั้นล่าง' ต้องเสียสละมากมายเหลือเกิน

ส่วนอัตราการแพร่ระบาดของซอมบีใน Kingdom รวดเร็วสมกับเป็นซีรีส์ยุค 5G เพราะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีหลังถูกกัด ผู้ติดเชื้อจะกลายสภาพเป็นซอมบี คือ ไร้สติ กระหายเลือด ตาดำหาย เหลือแต่ตาขาวขุ่นไร้แวว หน้าแข็งๆ เหมือนโดนดึง ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวด แต่วิ่งเร็วมาก! ไม่เงอะงะเหมือนซอมบีในหนังฮอลลีวูดยุคแรกๆ แถมยังกินทิ้งกินขว้าง เหยื่อรายแรกยังถูกกัดทึ้งไม่หมดก็พุ่งเป้าไปหา 'คนเป็น' รายต่อไป เลือดจึงสาดกระจายสมกับเป็นซีรีส์เรต 18+

เมื่อรัชทายาทอีชางและองครักษ์ไปตามหาอดีตแพทย์หลวงคนสุดท้ายที่พบจักรพรรดิ จึงได้เจอกับซอมบีในจียุลฮยอน ซึ่งกลายสภาพเป็นศพนอนนิ่งในเวลากลางวัน และเนื่องจากไม่รู้จักซอมบี ทั้งคู่จึงแจ้งเจ้าหน้าที่กองปราบในเมืองให้มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพราะคนตายกันเป็นเบือ แถมสภาพศพดูก็รู้ว่าเป็นการตายแบบผิดปกติ มีร่องรอยถูกกัดทึ้ง ส่วนที่เกิดเหตุก็เหมือนกับผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่มาหมาดๆ

เจ้าหน้าที่ทางการนำศพทั้งหมดเข้าเมืองไปสะสางคดี ทำให้ 'พาหะ' ทั้งหมดถูกเคลื่อนย้ายสู่เขตที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นโดยไม่มีอะไรขัดขวาง


ข่าวลือทำให้คนกลัว แต่ 'ข้อมูลใหม่' คนอาจไม่เชื่อ

แม้ว่า 'ยองชิน' และ 'ซอบี' ผู้รอดชีวิตจากซอมบีที่จียุลฮยอน (เพราะหาที่หลบได้ทัน) จะพยายามเตือนเจ้าหน้าที่และขุนนางผู้ครองเมืองว่า ศพที่ถูกขนย้ายมาจากจียุลฮยอน คือ 'อสุรกาย' แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ

ทั้งคู่ถูกจับขังคุก โดยกรณีของ 'ยองชิน' ถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร ส่วน 'ซอบี' ถูกหาว่าเสียสติ เผยแพร่ข้อมูลที่ทำให้คนแตกตื่น เพราะ 'ข่าวลือ' เรื่องโรคระบาดเกิดขึ้นในหลายเมืองมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ทำให้คนหวาดกลัว บางรายตกเป็นเหยื่อผู้ฉวยโอกาส แต่โรคระบาดที่ 'คนตายแล้วฟื้น' แบบที่ทั้งสองคนพยายามยืนยัน ก็เป็นเรื่องที่เชื่อได้ยากจริงๆ

https://pbs.twimg.com/media/EQgBQYcUYAMsW0Z?format=jpg&name=large
  • ยองชิน ผู้มีประวัติคลุมเครือ

แม้รัชทายาทกับองครักษ์ที่พบซอบีก่อน และรู้เรื่องคนตายฟื้นคืนชีพ ก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แม้จะมีบันทึกจากอดีตแพทย์หลวงระบุไว้แล้วก็ตาม ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะคนส่วนใหญ่มีแนวโน้มจะลังเลกับ 'ข้อมูลใหม่' ที่ไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน ยิ่งคนเปิดเผย 'ข้อมูลใหม่' ไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจหรือมีสถานะทางสังคม ก็มีแต่จะถูกเมินจากคนรอบข้างเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้ คำพูดของ 'ยองชิน' จึงไม่น่าเชื่อ เพราะเป็นคนที่มีประวัติน่าสงสัย ส่วน 'ซอบี' ก็เป็น 'หมอผู้หญิง' ซึ่งเนื้อหาใน Kingdom ก็แทรกรายละเอียดเข้ามาหลายตอนจนคนดูมองออกว่าราชอาณาจักรโชซอนยุคนั้นไม่ได้ให้ค่ากับ 'ผู้หญิง' มากเท่า 'ผู้ชาย' แต่ที่ร้ายกว่านั้นคือ ขุนนางสอพลอของเจ้าเมืองที่ได้ตำแหน่งเพราะเป็นญาติอัครเสนาบดี ไม่ต้องการให้คดียืดเยื้อ จึงพยายามยัดข้อหาโดยไม่ไต่สวนเพิ่มเติม เพราะอยากจะปิดคดีเร็วๆ

ผลก็คือซอมบีจากจียุลฮยอนแพร่เชื้อให้ราษฎรในตัวเมืองอย่างรวดเร็วภายในคืนเดียว คนที่ถูกซอมบีกัดตายก็กลายเป็นซอมบีเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว

เมื่อชาวเมืองที่รอดชีวิตมาจนถึงตอนเช้าได้รู้ความโหดร้ายของ 'โรคระบาดซอมบี' กันไปแล้ว รัชทายาทก็สั่งให้ทางการกำจัดศพผู้ติดเชื้อซึ่งหยุดเคลื่อนไหวชั่วคราว โดยสั่งให้ 'เผา' หรือ 'ตัดหัว' เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด และต้องเร่งมือจัดการในช่วงที่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน แต่ขุนนางและเครือข่ายแม่ทัพที่รู้ว่า 'กำลังคน' ที่เหลืออยู่กำจัดศพซอมบีทั้งเมืองไม่ไหวแน่ และสถานการณ์น่าจะรุนแรงขึ้นในช่วงค่ำ จึงพากันลงเรือหนีไปเมืองอื่น

แต่บนเรือก็มี 'ผู้ฝ่าฝืนคำสั่งให้กำจัดผู้ติดเชื้อ' นำศพขึ้นเรือไปจนได้ สุดท้ายการระบาดของซอมบีจึงแพร่กระจายออกไปนอกทงเน และในซีซัน 2 ก็จะพบว่า 'วังหลวง' ก็หนีไม่พ้นโรคระบาดซอมบีนี้เช่นกัน

https://occ-0-1983-58.1.nflxso.net/dnm/api/v6/9pS1daC2n6UGc3dUogvWIPMR_OU/AAAABaalBcUvFQ9cjncB1rvkU2sr3OpKXmtxYYIuvu56CVljHrvFFS8yg6NR0z_XND5Euyqn6nxNZaD-ffb1M46QiU4xJzucE9sr0URRsBAxTikjLVOZ.jpg?r=ee9
  • ผู้ติดเชื้อที่มีอาการเหมือน 'อสุรกาย'

คงไม่แปลกถ้าจะเปรียบเทียบการแพร่ระบาดของซอมบีใน Kingdom กับเหตุการณ์ในโลกจริง เพราะทุกครั้งที่เกิดโรคติดต่ออุบัติใหม่ในที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ซาร์ส ไข้หวัดนก เมอร์ส หรือโควิด-19 ก็ต้องเจอกับความสับสน แตกตื่น หรือแม้แต่การเพิกเฉยจนน่าตกใจ

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการจะเปิดเผยข้อมูลโรคติดต่อที่ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไป ยังไม่รู้วิธีรักษา ไม่มีตัวยาป้องกัน อาจสร้างความตื่นตระหนกแก่คนในสังคมได้ ผู้มีอำนาจบางส่วนจึงเลือกใช้วิธีควบคุมการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของคนในสังคม แม้การปิดกั้นการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของคนที่มีเทคโนโลยีอยู่ในมือเหมือนยุคปัจจุบันนี้ "เป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก"

แม้แต่กรณีโควิด-19 ที่มีรายงานผ่านสื่อว่าพบผู้ติดเชื้อตั้งแต่เดือน ธ.ค.2562 แต่รัฐบาลจีนเพิ่งประกาศยอมรับต่อสาธารณชนในเดือน ม.ค.2563 ซึ่งช่วงเวลากว่าเดือนส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19 โดยไม่มีโอกาสที่จะป้องกันตัวเอง ขณะที่แพทย์ซึ่งพบเบาะแสของไวรัสนี้ตั้งแต่ต้น และพยายามส่งต่อข้อมูลให้คนใกล้ตัวกลับถูกเจ้าหน้าที่ของจีนกล่าวหาว่า เผยแพร่ข่าวปลอม

ตอนที่คนส่วนใหญ่รับรู้แล้วว่าโรคติดต่อมีจริง ก็ยังพบพฤติกรรมของคนในสังคมบางส่วนที่ 'ฝ่าฝืน' คำสั่งต่างๆ ที่มีเป้าหมายเพื่อลดการแพร่ระบาด และภาครัฐในแต่ละประเทศก็อาจไม่มีกำลังพอจะยับยั้ง หรือลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อหรือแพร่ระบาดเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นกำลังคน กำลังสมอง หรือกำลังใจ


ต้องทำยังไงถึงจะไม่ตายกันหมด?

เมื่อย้อนกลับมาดูการแพร่ระบาดของซอมบีใน Kingdom ซีซัน 2 จะพบว่ารัชทายาท เหล่าทหาร ขุนนาง และชาวบ้านที่มีกำลัง พยายามวางแผนกำจัดหรือยับยั้งผู้ติดเชื้อไม่ให้เข้ามาเป็นอันตรายต่อราษฎรที่เหลืออยู่ในเมือง ซึ่งก็เป็นการใช้กำลังแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแบบเร่งด่วน เพราะถ้าไม่กำจัดซอมบีผู้ติดเชื้อ 'เราจะตายกันหมด'

ขณะที่ 'ซอบี' ซึ่งมีหลักคิดว่า "วิธีช่วยชีวิตผู้ป่วยจะต้องอยู่ในอาการของโรคอย่างแน่นอน" ก็พยายามรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพืชที่เป็นต้นตอการฟื้นคืนชีพ และสังเกตพฤติกรรมซอมบีผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม พบว่านอกเหนือจากอาการสูญเสียสติและกระหายเลือดแล้ว ซอมบีผู้ติดเชื้อยังมีอาการ 'กลัวน้ำ' อีกด้วย นำไปสู่การทดลองจนค้นพบ 'วิธีกำจัดเชื้อ' แต่ก็ยังหายารักษาโรคไม่ได้ ทั้งยังไม่อาจแน่ใจได้ว่า เชื้อซอมบีจะกลายพันธุ์อีกหรือไม่

https://occ-0-1983-58.1.nflxso.net/dnm/api/v6/9pS1daC2n6UGc3dUogvWIPMR_OU/AAAABfN9TzAGNATVhnq_ND7G9UCnX3DJYTI-mdR3oXlq7SmMolvtgyBXxLkZUIfdv10gNB9oqqkmhDc6LhRz9E3FoWa70I20qn30B_YlaeTMZZQpbwan.jpg?r=2eb
  • องค์ชายรัชทายาทอีชาง

การรับมือโรคระบาดใน Kingdom ให้น้ำหนักกับการศึกษาค้นคว้าทางวิชาการของซอบี ในฐานะที่เป็นองค์ความรู้ระยะยาว แต่ก็สะท้อนชัดเจนว่าการแก้ปัญหาเร่งด่วนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดก็สำคัญไม่แพ้กัน และ 'แนวหน้า' ที่เผชิญกับโรคระบาดก็เสี่ยงอันตราย คนที่ต้องจับอาวุธกำจัดซอมบี ไม่ว่าจะเป็นเจ้าชาย ขุนนาง ทหาร หรือชาวบ้าน ต่างก็มีสิทธิติดเชื้อได้เหมือนกันหมด ไม่ต่างจากบุคลากรทางการแพทย์ในปัจจุบันที่ต้องเสี่ยงรับมือกับโรคติดต่ออุบัติใหม่ก่อนคนอื่น และบางครั้งก็อาจไม่มีกำลังเสริมด้วยซ้ำ

การที่ผู้คนใน Kingdom รอดชีวิตมาได้ จึงไม่ใช่เพราะมีผู้นำที่เก่งกาจหรือมีสายเลือดพิเศษ แต่เป็นเพราะทุกฝ่ายร่วมแรงร่วมใจทำหน้าที่ที่ตัวเองถนัด และปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่จำเป็น และไม่ปิดบังข้อมูลจนเกิดความสับสน

ส่วนคนที่จะมารับช่วงต่อหลังจากที่ซอมบี (หรือโรคระบาด) ถูกกำจัด ก็คือราษฎรทั้งผู้หญิงผู้ชาย และเหล่าบัณฑิตที่อาจจะไม่มีบทบาทอะไรมากนักช่วงแพร่ระบาด เพราะไม่อาจจับอาวุธสู้ซอมบีได้เหมือนทหารหรือคนที่ถูกฝึกมา แต่คนกลุ่มนี้ต้องรับทำหน้าที่เลี้ยงดู ผลิตอาหาร ข้าวของเครื่องใช้ รวมถึงเป็นหัวสมองและเรี่ยวแรงฟื้นฟูเมืองต่อไปอยู่ดี

แม้สุดท้ายแล้วตัวละครหลายตัวจะยังรอดชีวิตมาได้ แต่ก็ไม่อาจเรียกว่า 'ราบรื่น' เพราะถึงยังไงก็ยังเป็นซีรีส์เกี่ยวกับซอมบี ที่มีฉากหลังเป็นเวทีการเมืองแย่งชิงอำนาจ การต่อสู้ทางชนชั้น และความทะเยอทะยานของเครือข่ายผู้มีอิทธิพล ทั้งยังตั้งคำถามถึง 'จักรพรรดิองค์ต่อไป' ว่าต้องมีคุณสมบัติแบบไหนที่จะเรียกว่าเหมาะสม? - อยู่ที่ 'สายเลือด' หรืออยู่ที่ 'การอบรมบ่มเพาะหลักปฏิบัติที่ถูกต้อง'

สรุปได้ว่า Kingdom ซีซัน 2 นี้ ซอมบีก็ต้องฆ่า อัครเสนาบดีก็ต้องไล่ แถมยังมีการ 'หงายการ์ดโอรส' จากพระมเหสี เพื่อกำจัด 'เจ้าชายรัชทายาทผู้ก่อกบฎ' ต้องลุ้นกันเหนื่อยกว่าจะจบ แถมยังมีตัวละครทิ้งท้ายเอาไว้ให้ติดตามต่อในซีซัน 3 (ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะเผยแพร่อีกทีเมื่อไหร่) ด้วย