ศาลอุทธรณ์ของอังกฤษระบุว่า ชามิมา เบกุม ไม่ได้รับโอกาสอย่างเป็นธรรมในการขึ้นให้การจากค่ายผู้ลี้ภัย ก่อนที่กระทรวงมหาดไทยของอังกฤษจะถอดถอนสัญชาติของเธอเมื่อปี 2562 ดังนั้น รัฐบาลอังกฤษจะต้องหาทางอนุญาตให้เบกุมมาขึ้นศาลในกรุงลอนดอน 

เมื่อปี 2558 เบกุมในวัย 15 ปีเป็น 1 ในเด็กผู้หญิง 3 คนที่เดินทางจากกรุงลอนดอนไปเข้าร่วมกลุ่มก่อการร้ายไอเอสในซีเรีย แต่ในปี 2562 ที่ผ่านมา มีคนพบเธอในค่ายผู้ลี้ภัยในทางตอนเหนือของซีเรีย และกำลังตั้งครรภ์ 9 เดือน กระทรวงมหาดไทยของอังกฤษจึงถอดถอนสัญชาติของเธอ โดยระบุเหตุผลด้านความมั่นคง และย้ำหลายครั้งว่าจะไม่ช่วยเบกุมออกค่ายผู้ลี้ภัย

ก่อนหน้านี้ เบกุมโต้แย้งว่า การที่รัฐบาลอังกฤษถอดถอนสัญชาติเธอไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะจะทำให้เธอเป็นคนไร้สัญชาติ ซึ่งตามกฎหมายระหว่างประเทศ การถอดถอนสัญชาติจะถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อคนนั้นมีสัญชาติของประเทศอื่นแล้ว

อย่างไรก็ตาม Siac ตัดสินว่า การถอดถอนสัญชาติของเบกุมถูกต้องตามกฎหมาย เพราะเธอเป็น “พลเมืองบังกลาเทศทางสายเลือด” เนื่องจากแม่ของเบกุมเป็นชาวบังกลาเทศ

ผู้พิพากษากล่าวว่า แม้จะมีความกังวลด้านความมั่นคงต่อกรณีของเบกุม ศาลได้ข้อสรุปหนักแน่นแล้วว่า ทางเดียวที่จะทำให้เธออุทธรณ์คดีได้อย่างยุติธรรมและมีประสิทธิภาพ ก็คือการอนุญาตให้กลับไปที่อังกฤษ เพื่ออุทธรณ์คดีต่อความยุติธรรมที่จะต้องมีน้ำหนักมากกว่าความกังวลด้านความมั่นคงของชาติ

ศาลอุทธรณ์ระบุว่า คณะกรรมการพิจารณาคำร้องอุทธรณ์ตรวจคนเข้าเมืองพิเศษ หรือ Siac ล้มเหลวที่จะพิจารณาหลักฐานอย่างเหมาะสม เมื่อตอนที่ตัดสินถอดถอนสัญชาติเบกุม เพราะไม่ได้ประเมินความเสี่ยงการส่งตัวไปอิรักและบังกลาเทศและการทารุณในประเทศนั้น

แดเนียล เฟอร์เนอร์ ทนายความของเบกุมกล่าวว่า “เบกุมไม่เคยได้รับโอกาสอย่างเป็นธรรมในการเล่าเรื่องจากมุมมองของเธอ เธอไม่ได้กลัวที่จะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของอังกฤษ และยินดีจะทำเช่นนั้น แต่การถอดถอนสัญชาติของเธอโดยไม่มีโอกาสได้แก้ต่างให้ตัวเองไม่ถือเป็นความยุติธรรม ตรงกันข้ามเลย” เขากล่าวต่อว่า เบกุมไม่สามารถคัดค้านการถอดถอนสัญชาติของกระทรวงมหาดไทยได้ เพราะเธอถูกกีดกันไม่ให้ไม่ให้กลับไปอังกฤษ

ที่มา : BBC, The Guardian