ไม่พบผลการค้นหา
ประชุมสภาฯในวาระที่ 2 เห็นชอบผ่านงบฯ พม. - เกษตรฯ -อว.- คมนาคม ฉลุยรวด ด้าน ฝ่ายค้านท้วงงบฯ อว. อยากตัดงบฯให้บุคลากรที่ไม่เข้าใจประชาธิปไตย เศร้า มธ.ไม่ให้พื้นที่ นศ.ใช้เสรีภาพแสดงออกทางการเมือง ขณะที่ 'ก้าวไกล' ติงป้ายขอบคุณ ส.ส.ในพื้นที่นครพนมปรับปรุงถนน จวกใช้งบฯส่อหาเสียง ทำให้ 'ศุภชัย' ต้องลุกแจงปัดของบฯ จาก รมว.คมนาคม ย้ำประชาชนแค่ขึ้นป้ายขอบคุณ

เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 2563 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ในวาระที่ 2 ตั้งแต่ช่วงบ่ายจนถึงค่ำ ได้พิจารณามาตรา 12 งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ วงเงิน 1.89 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย อภิปรายเกี่ยวกับการใช้จ่ายงบประมาณของสถาบันองค์กรพัฒนาชุมชน (พอช.) ที่มีการปล่อยกู้ให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อย 1.2 แสนคน โดยคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ถือว่าไม่มีความเหมาะสมเพราะเป็นสถาบันของรัฐแต่คิดดอกเบี้ยแพง ทั้งนี้ นายประเดิมชัยใช้เวลาอภิปรายเกินที่กำหนด ทำให้นายศุภชัยตักเตือนให้รีบสรุป แต่นายประเดิมชัยก็ยังอภิปรายต่อไปเรื่อยๆ ในที่สุด นายศุภชัยตัดบทโดยปิดไมค์ไม่ให้พูดต่อ และเชิญผู้อภิปรายคิวต่อไปพูดต่อ จึงทำให้นายประเดิมชัยไม่พอใจ ประท้วงนายศุภชัยทำหน้าที่หลายมาตรฐาน ก่อนที่จะขอให้มีการนับองค์ประชุม แต่ในที่สุด อุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ขึ้นมาไกล่เกลี่ยโดยขอยกเวลาการอภิปรายในส่วนของตัวเองให้กับนายประเดิมชัย ทำให้นายประเดิมชัยได้อภิปรายต่อไปจนจบ 

อย่างไรก็ตาม ในมาตราดังกล่าว ส.ส.อภิปรายกันอย่างกว้างขวาง และที่ประชุมได้มีมติเห็นด้วยกับการปรับลดงบตามที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.)วิสามัญฯ ได้แก้ไขด้วยมติ 261 ต่อ 121เสียง และงดออกเสียง 15 เสียง 

จากนั้นที่ประชุมสภาฯ มีมติเห็นชอบในมาตรา 13 ว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ด้วยมติเห็นด้วย 256 เสียง ไม่เห็นด้วย 125 เสียง งดออกเสียง 12 เสียง 

ประเดิมชัย เพื่อไทย สภา dew917.jpg

ฝ่ายค้านพุ่งเป้าอยากตัดงบฯบุคลากรมหาวิทยาลัยไม่เข้าใจประชาธิปไตย

โดยมาตราดังกล่าว ขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายมาตรา 13 ลดงบประมาณรายจ่ายของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ลงไป 20% จากงบประมาณทั้งหมด 48,547,159,000 บาท โดยให้เหตุผลว่าในภาวะบ้านเมืองวิกฤติ การไม่ก่อสร้างอาคารใหม่ไม่ทำให้เดือดร้อนและไม่กระทบคุณภาพการศึกษา ตนเชื่อมั่นว่าคุณภาพการศึกษาขึ้นอยู่กับครูและผู้เรียน ตนอยากตัดงบประมาณเงินเดือนของบุคลากรในมหาวิทยาลัยที่ไม่เข้าใจประชาธิปไตยด้วยซ้ำ มหาวิทยาลัยใด โรงเรียนใดที่ครูทำตัวเป็นเจ้าของโรงเรียนและรับเงินเดินจากงบประมาณจากภาษีของประชาชน ใครที่บอกว่าถ้าเด็กเรียกร้องประชาธิปไตยให้ออกจากโรงเรียน ถ้าไม่พอใจกับระบอบประชาธิปไตยให้ลาออก ถ้ามีจิตใจเป็นเผด็จการให้ลาออก อย่ามาเป็นครูในระบอบนี้ ไม่ควรด่าลูกศิษย์แบบนี้ ในงบประมาณ 20% ที่ตัดออก ตนอยากให้เอาไปสร้างคุณภาพการศึกษา

ท้วงสถานศึกษาควรให้ นศ.มีพื้นที่แสดงออกทางเสรีภาพ

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ อภิปรายลดงบประมาณ 10% เฉพาะมหาวิทยาลัยที่มีเงินนอกงบหรือเงินนอกระบบ โดยชี้แจงว่าตนเอาใจช่วยการพิจารณางบประมาณของกระทรวงนี้เพราะเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงที่ดีที่สุดคือการศึกษา ทุกวันนี้มหาวิทยาลัยมีผู้เรียนน้อยลง อย่างไรก็ตามงบวิจัยต้องอยู่กับมหาวิทยาลัย แต่กลับแยกไปอยู่กับกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม 19,000 ล้านบาท ซึ่งตนตั้งคำถามว่าลักษณะนี้อาจจะเป็นอุปสรรคในการทำวิจัยของมหาวิทยาลัย เพราะต้องไปขอหน่วยงานนี้ที่ทำตัวเป็นนักปราชญ์ ถือเป็นการไม่มีเสรีภาพทางการศึกษา แต่สิ่งหนึ่งคือมหาวิทยาลัยมีหน้าที่บริการประชาชน นักศึกษาที่มีความคิดทางเสรีภาพ เขาต้องการมีพื้นที่การแสดงออกเรียกร้องเสรีภาพ ตนได้ถามอธิการบดี 16 มหาวิทยาลัยว่าในกรณีที่นักศึกษา หรือมีปัญหาประชาชนจะใช้พื้นที่ของมหาวิทยาลัยแสดงออกทางประชาธิปไตย ตนได้รับคำตอบว่ามหาวิทยาลัยพร้อมให้พื้นที่ทางการแสดงออก บางมหาวิทยาลัยบอกว่าเขาคือลูกหลาน ถ้าไปอยู่ข้างนอกอาจโดยจับกุมได้ ดังนั้นถ้าเราไม่สามารถใช้พื้นที่ทางวิชาการได้ และผลักไสให้เด็กไปอยู่ข้างนอก ตนเศร้าใช้กับเสรีภาพในการศึกษา โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นก่อเกิดของความเป็นประชาธิปไตย

ฉลุยงบฯ กระทรวงเกษตรฯ

จากนั้น ที่ประชุมสภาฯ ได้มีมติเห็นด้วยในมาตรา 14 งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วงเงิน 30,974,467,000 บาท โดยเห็นด้วย 262 เสียง ไม่เห็นด้วย 111 เสียง งดออกเสียง 7  

โดย สมชาย ฝั่งชลจิตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายปรับลดงบประมาณ 10% โดยให้เหตุผลว่าประเทศไทยที่เป็นครัวโลก ไม่สามารถก้าวไปสู่เกษตรที่ทันสมัยได้ เราต้องมีชลประทานที่ทันสมัย แต่ตรงข้ามประเทศไทยมีการคอร์รัปชันสูง ตนเห็นว่าจำเป็นที่จะต้องตัดงบประมาณกรมชลประทาน และนอกจากนี้ยังมีบางส่วนที่อยู่ในพื้นฐานความคิดสร้างความสามารถในการแข่งขัน ไปตั้งงบประมาณในหน่วยงานหรือกรมไปสัมมนาอบรม

กรวีร์ ปริศนานันทกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย เสนอปรับลดงบประมาณ 5% โดยห่วงใยกรมชลประทานที่ได้รับงบประมาณ 14,900 ล้านบาทถือเป็นเม็ดเงินมหาศาล แต่เมื่อประเทศไทยเจอกับปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นเร็วในปี 2563 ต่อเนื่องไปยังปี 2564 ในปี 2562 อ่างเก็บน้ำจำนวน 35 แห่งทั่วประเทศมีปริมาณการใช้งาน 48% แต่ปี 2563 มีปริมาณน้ำที่สามารถใช้งานได้ 23% ดังนั้นภัยแล้งในปี 2564 ก็จะยิ่งร้ายแรงกว่าเดิม และตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่ 10 กว่าวันในการเติมน้ำลงไปในเขื่อนก่อนที่ภัยแล้งจะมา ซึ่งยิ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง ขณะเดียวกันเฉลี่ยงบประมาณแต่ละโครงการจากทั้งหมดเหลือแค่โครงการละหนึ่งล้านบาท ซึ่งสุดท้ายก็จะได้แค่การขุดลอกคูคลองแล้วก็จะกลับมารกเหมือนเดิม

ด้าน พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ขอตัดงบกระทรวงเกษตร 10 เปอร์เซ็นต์ เพราะเป็นกระทรวงที่มีเรื่องตลกร้าย มีเงินนอกงบประมาณ 119 ล้านบาท และงบเดินทางไปราชการต่างประเทศ เกือบทั้งกระทรวง อาทิ สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตร ตั้งงบเช่าสำนักงานในต่างประเทศ เอาไว้ 29 ล้านบาท และผูกพันไปจนถึงปี 2568 รวมถึงมีงบค่าเดินทางไปต่างประเทศอีก 36 ล้านบาท ขณะที่กรมประมง ตั้งงบเดินทางไปต่างประเทศเช่นกัน 508 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีตั้งงบฯ เดินทางไปต่างประเทศในโครงการยกระดับสินค้าเกษตรอีก 4 ล้านบาท ส่วนกรมผลผลิตพัฒนาการที่ดินเเละน้ำเพื่อการพัฒนา ตั้งงบเดินทางไปต่างประเทศไว้ 8.9 ล้านบาท ตนสงสัยว่ากระทรวงเกษตรฯ จะไปทำงานให้ต่างประเทศ ไม่ได้ทำงานให้เกษตรกร สิ่งเหล่านี้จำเป็นจะต้องตัดออก เพราะมติของครม.ให้ชลอและปรับลดงบดูงานต่างประเทศลง นี่คือความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการใช้งบที่ผิด กมธ.ต้องชี้เเจงให้ได่ว่า ทำไมงบเดินทางต่างประเทศจึงหลุดมาถึงในชั้นนี้

สุพิศาล ก้าวไกล สภา งบประมาณ 17.jpg

ก้าวไกล อัด ส.ส.แปรญัตติดึงงบฯลงพื้นที่ จ.นครพนม ชี้ส่อหาเสียง

กระทั่งเวลา 21.40 น. สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายงบประมาณของกระทรวงคมนาคม ซึ่งขอปรับลง 5.55 % โดยยกตัวอย่างโครงการที่ส.ส.พยายามแปรญัตติดึงงบไปลงพื้นที่ตัวเอง เอาเงินภาษีประชาชนไปหาเสียง เช่น โครงการบูรณะทางผิวถนนแอสฟัสต์ อ.บ้านแพง จ.นครพนม ที่มีการทำป้ายขอบคุณ ส.ส.ในพื้นที่ในการปรับปรุงถนนเส้นดังกล่าว ซึ่งวิธีการแบบนี้เรียกว่าสูบเลือดจากคนทั้งแผ่นดิน เพราะมีโลโก้พรรคการเมือง และชื่อส.ส.ชัดเจน คำถามคือการใช้เงินภาษีไปหาเสียงขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ไม่มีงบส.ส. และส.ส.ไม่สามารถดึงงบไปลงพื้นที่ตัวเองได้ ระบบมือใครยาวสาวได้สาวเอาไม่ใช่สิ่งดี ซึ่งเราควรใช้วิธีการกระจายอำนาจนำเม็ดเงินลงสู่ท้องถิ่นอย่างจริงจัง

ตนจึงเสนอให้ตัดงบ 5.55 เพราะเป็นตลกร้ายใช้งบประมาณเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการเมือง ซึ่งรมว.คมนาคม และเป็นเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ต้องตอบคำถามให้ได้ว่าการกระทำแบบนี้ผิดหรือไม่ จะแก้ปัญหามือใครยาวสาวได้สาวเอาอย่างไร เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นไม่น่าภูมิใจเลย 

'ศุภชัย' โต้กลับปัดของบฯ จาก รมว.คมนาคม ไม่รู้ใครขึ้นป้ายขอบคุณให้

ทำให้ ศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่ 2 และส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นใช้สิทธิพาดพิงในฐานะที่เป็นส.ส.ในพื้นที่ ว่าตนขอยืนยันว่าไม่เคยประสานงานของบประมาณจาก รมว.คมนาคม ทั้งทางเอกสารและวาจา และไม่เคยทำหนังสือขอแปรญัตติ แม้จะอยู่พรรคเดียวกัน แต่เมื่อประชาชน อ.บ้านแพง จ.นครพนม เดือดร้อน ถนนทรุดโทรมมานานหลายปี เรียกร้องมายังส.ส.ให้ช่วยเหลือ ตนในฐานะส.ส.ที่อยู่พื้นที่ตรงนั้นจะละเลยได้อย่างไร เมื่อทราบว่าเป็นความรับผิดชอบของทางหลวงแผ่นดินก็ได้ให้ลูกน้องประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่แขวงการทางว่าถนนชำรุดให้ไปดู และเมื่อเจ้าหน้าที่ลงมาดูชาวบ้านได้นัดหมายจะชุมนุมกันที่ตรงนั้น ซึ่งตนได้ลงไปในพื้นที่ดังกล่าวและได้รับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้าน ตนก็นำหนังสือมอบให้เจ้าหน้าที่แขวงที่รับผิดชอบนำไปพิจารณาแก้ไขให้ประชาชน ตนไม่ทราบว่านานกี่เดือนจึงมีการซ่อมถนนตรงนี้ เมื่อตนได้ลงพื้นที่ตรงนั้นอีกครั้งก็เห็นถนนซ่อมแซมแล้ว สาเหตุที่เกิดเหตุน่าจะมาจากป้าย น่าจะเป็นความบริสุทธิ์ใจของพี่น้องตรงนั้นที่เขาคงดีใจ คงเข้าใจว่าเป็นเพราะ ส.ส.ประสานงานให้จึงทำป้ายขอบคุณ ตนไม่ทราบว่าใครเป็นคนขึ้นป้าย และป้ายขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ตนเห็นป้ายก็ไม่สบายใจจึงขอให้ชาวบ้านเอาออก

“ถ้าผมต้องหลุดจากส.ส. ส.ส.ทั้งสภาจะต้องหลุดด้วย เพราะทุกคนล้วนแต่รับปัญหาของชาวบ้านมาสะท้อนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องฟัง การกล่าวหาของนายสุรเชษฐ์ เป็นเหตุรุนแรง ถ้าผมกระทำผิดกฎหมายจริงจะต้องหลุดจากส.ส. ผมจึงขอท้านายสุรเชษฐ์ หรือจะทั้งพรรคก็ได้ ว่าถ้ามีหนังสือว่าผมทำหนังสือไปของบจากรมว.คมนาคม หนังสือแปรญัตติของบประมาณ ถ้าผมผิดจริง ผมยินดีลาออกจากการเป็น ส.สเขต 1 และรองประธานสภาฯ คนที่ 2 ทันที แต่ถ้าไม่มี สุรเชษฐ์จะรับผิดชอบอย่างไร การกล่าวหาคนอื่นลอยๆแบบนี้คนอื่นเสียหายไม่ควรกระทำ” ศุภชัย กล่าว 

สุรเชษฐ์ ลุกขึ้นชี้แจงว่า เรื่องนี้ตนตั้งเป็นคำถาม ถูกผิดอยู่ที่ศาลตัดสิน แต่รัฐธรรมนูญมาตรา 144 จะตีความอย่างไรอยากให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ดังนั้น คำถามคือ ภาพที่ตนแสดงไปเป็นการกระทำผิดจริงหรือไม่ และหากมีการดึงบลงพื้นที่จริงจะแก้ไขกันอย่างไร

เวลา 23.30 น. ที่ประชุมสภา มีมติเห็นด้วยกับมาตรา 15 งบประมาณกระทรวงคมนาคม ด้วยมติ 260เสียง ไม่เห็นด้วย 61 เสียง 

ผ่านงบฯ กระทรวงดิจิทัลฯ

จากนั้นที่ประชุมสภาฯ ได้มีมติเห็นด้วยกับ มาตรา 16 งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานในกำกับที่​มีการแก้ไข ด้วยมติ 255 เสียง และประธานที่ประชุมได้สั่งพักการประชุมเมื่อเวลา 00.35 น.ของวันที่ 18 ก.ย. 2563 

โดยมาตรา 16 กรรมาธิการขอสงวนความเห็นและสมาชิกฯ ผู้แปรญัตติขอสงวนคำแปรญัตติ โดยขอให้ปรับลดงบประมาณกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานในกำกับ ในโครงการศูนย์ต่อต้าน ข่าวปลอม เนื่องจากหน่วยงานที่มีลักษณะตรวจสอบข้อเท็จจริงจำเป็นต้องมีมาตรฐานให้คนปฏิบัติตาม  แต่หลาย ๆ ครั้งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมไม่สามารถรักษาหลักการที่กำหนดได้ เช่น การให้ความรู้ทั่วไปที่ไม่เกี่ยวข่าวปลอมและหน่วยงาน ทำงานประชาสัมพันธ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงาน หน่วยงานไม่สามารถแยกระหว่างโพสต์ที่มีเจตนาล้อเลียนเสียดสีกับข่าวปลอมได้ และดำเนินการทางกฎหมายกับข่าวลือโดยไม่จำเป็น เป็นต้น 

​กรรมาธิการฯ ชี้แจงในประเด็นการตั้งงบประมาณผูกพัน ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติว่าหากจะตั้งงบประมาณผูกพันในปีแรกต้องมีการตั้งงบประมาณไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 หรือตามงวดงานที่ต้องจ่ายจริงในปีแรก และในปีต่อ ๆ ไปให้เป็นไปตามงวดงานที่ต้องจ่าย โดยไม่ได้มีเจตนาที่จะตั้งเป็นจำนวนมาก ส่วนประเด็นเรื่องค่าใช้จ่ายในการประชุมและดูงานในต่างประเทศมีการพิจารณาก่อนเข้าสู่วาระของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยสำนักงบประมาณได้ปรับลดตามที่หน่วยงานได้เสนอมาไปแล้วร้อยละ 25 และนำงบประมาณที่ปรับลดไปไว้ในประมาณกลางเพื่อสำหรับแก้ปัญหาโควิด-19 ที่อาจเกิดขึ้นอีกครั้ง นอกจากนี้ อนุกรรมาธิการได้พิจารณาปรับลดทุกรายการที่มีการเดินทางไปต่างประเทศ และปรับลดลงเหลือเพียงความจำเป็น โดยจะต้องมีสัญญาหรือหนังสือที่ยืนยันการเดินไปประชุมหรือเจรจาที่ต่างประเทศเท่านั้น