ไม่พบผลการค้นหา
'สุดารัตน์' แนะรัฐบาล ดูแลเศรษฐกิจรากหญ้า หยุดทุจริตเชิงนโยบายที่เอื้อประโยชน์ทุนใหญ่ ชมสื่อทำเนียบฯ ต้ังฉายา 'อิเหนาเมาหมัด - รัฐบาลเซียงกง' ได้ตรงจริง เย้ยหัวหน้ารัฐบาลเชียงกงฝีมือต่างจากผู้นำรัฐบาลพรรคไทยรักไทย

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ระบุถึงการตั้งฉายารัฐบาล ของสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลว่า แม้ว่างเว้นไป 6 ปีแต่ก็ยังมีความเฉียบคมเหมือนเดิม ทั้งการให้ฉายาว่า "รัฐบาลเซียงกง" และ ฉายานายกรัฐมนตรีว่า "อิเหนาเมาหมัด" ซึ่งล้วนสะท้อนให้เห็นภาพได้ชัดเจน โดยฉายาอิเหนาเมาหมัด ส่วนตัวมองว่าสื่อมวลชนตั้งฉายาได้ตรงจริงๆ เพราะอย่างที่ประชาชนเห็นในทุกเรื่องที่นายกรัฐมนตรีตั้งข้อรังเกียจและที่ใช้เป็นข้ออ้างในการทำรัฐประหารนั้น ตัวนายกรัฐมนตรีกลับทำเองทั้งหมดและทำยิ่งกว่าคนอื่นทำด้วย

ส่วน "รัฐบาลเซียงกง" ซึ่งสะท้อนการนำอะไหล่ หรือ ของเก่า จากหลายๆ ส่วนมาประกอบกัน โดยเฉพาะอะไหล่จากพรรคไทยรักไทยและอะไหล่จากพรรคเพื่อไทยในอดีตมาใช้ ซึ่งเป็นสิ่งไม่เสียหาย แต่สิ่งที่ปรากฏแสดงให้เห็นถึงฝีมือของผู้นำรัฐบาล ที่แม้อะไหล่ที่ใช้คล้ายคลึงกัน แต่ตัวเครื่องยนต์หลักไม่เหมือนกัน ระหว่างหัวหน้ารัฐบาลเซียงกงกับหัวหน้ารัฐบาลในสมัยพรรคไทยรักไทย และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีพรรคร่วมรัฐบาลถึง 19 พรรค ซึ่งแต่ละพรรคก็มี "แฟกชั่น" เยอะ ดังนั้นรัฐบาลเซียงกงจึงสะท้อนภาพรัฐบาลยุคปัจจุบันได้อย่างเฉียบคม

คุณหญิงสุดารัตน์ ยังฝากถึงรัฐบาลโดยเฉพาะตัวนายกรัฐมนตรีหลังจากครองอำนาจต่อเนื่องมา 6 ปี เฉพาะรัฐบาลหลังเลือกตั้งก็ 6 เดือนแล้ว ให้ตระหนักถึงปัญหาเศรษฐกิจที่ประชาชนกำลังเผชิญอยู่ โดยเฉพาะเศรษฐกิจรากหญ้าซึ่งเป็นเศรษฐกิจรากฐานครอบคลุมประชากร กว่า 30 ล้านคน ซึ่งจะเป็นกำลังซื้อในประเทศด้วย และหากเศรษฐกิจรากฐานมีปัญหายังกระทบต่อเศรษฐกิจขนาด กลางและขนาดใหญ่ด้วย ซึ่งปัจจุบันกำลังทยอยเจ๊งหรือปิดตัวลง จากการได้รับเสียงสะท้อนในการลงพื้นที่ จึงเห็นว่าจริงๆ แล้วรัฐบาล โดยเฉพาะตัวนายกรัฐมนตรีหมดเวลา"ฮันนีมูน" มานานแล้ว ซึ่งตัวนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ จำเป็นต้องเข้าใจปัญหาเศรษฐกิจจริงๆ ไม่ควรไปว่าคนอื่นไม่เข้าใจ แต่ตัวนายกรัฐมนตรีเองควรจะเข้าใจจริงๆและต้องลงมือแก้ไขปัญหา

นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังสะท้อนปัญหาถึงการไม่ได้ดูแลผู้ประกอบการไทย แต่กลับให้สิทธิพิเศษและการคุ้มครองให้กับธุรกิจขนาดใหญ่ จึงเห็นว่าวันนี้รัฐบาลต้องเปลี่ยนวิธีคิด ซึ่งการบริหารเศรษฐกิจโดยช่วยเหลือเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่ไม่กี่ราย แต่ขาดการดูแล 2 Sector ใหญ่ คือเศรษฐกิจรากหญ้า จะไม่สามารถฟื้นเศรษฐกิจได้ 

และประการที่สองคือ การออกนโยบาย ที่เรียกได้ว่าเป็นการทุจริตเชิงนโยบาย ที่เอื้อประโยชน์ให้เฉพาะคนรวยทำให้ความเหลื่อมล้ำทางสังคมถ่างหรือมากขึ้นไปอีก ซึ่งจะไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเดิมได้ นอกเหนือจากการ จัดการค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และการดูแลเรื่องการส่งออก ซึ่งกำลังของไทยแทบจะไม่มีแล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง