ไม่พบผลการค้นหา
ผู้บริหารพรรคเพื่อชาติ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัคร เขต 6 ราชเทวี พญาไท จตุจักร-จอมพล ประธาน นปช. ระบุการที่พลเอกประยุทธ์ ไม่กล้าดีเบต สะท้อนว่าไม่เหมาะกับระบอบประชาธิปไตย

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ พร้อมด้วย ดร.รยุศด์ บุญทัน โฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง พรรคเพื่อชาติ นายวัฒนา พัทรชนม์ ผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ ลงพื้นที่หาเสียงช่วย ดร.ไชยา ประดิษฐธรรม เบอร์ 12 ผู้สมัครพรรคเพื่อชาติ เขต 6 ราชเทวี พญาไท จตุจักร-จอมพล ณ ตลาด กม.11 เขตจตุจักร จากนั้น พบปะประชาชน ณ ตลาด ปตท. และ ตลาดสด อตก.เขตจตุจักร แล้ว ขึ้นรถแห่จากตลาด อตก.ไปตามถนน พระราม 6 และถนนประดิพัทธ์  

นายจตุพร กล่าวถึงกรณี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ที่ประกาศ ไม่ยอมดีเบต อ้างว่าไม่กลัว พร้อมเล่นมุกไปถามตุ๊กตา ว่า ตนเชื่อมาตั้งแต่ต้นว่าธรรมชาติของพลเอกประยุทธ์ในช่วง 5 ปีนี้ คือการพูดฝ่ายเดียว โดยที่ไม่มีคนเห็นต่าง พูดต่อหน้า เพราะฉะนั้นพลเอกประยุทธ์ เมื่อคิดจะอยู่ในบัญชีนายกฯ พรรคพลังประชารัฐ ต้องรู้ชะตากรรมอย่างหนึ่งว่า ถ้าเป็นไปตามที่พลเอกประยุทธ์ต้องการ วันใดเข้าไปอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะมีสภาพไม่เหมือนสภานิติบัญญัติ

เพราะฉะนั้นทุกคนที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีฐานะเท่ากันกับนายกรัฐมนตรี สามารถลุกขึ้นอภิปรายนายกรัฐมนตรี พูดผิดสามารถใช้สิทธิ์พาดพิง ใช้สิทธิ์ในการโต้แย้ง ใช้สิทธิ์ในการให้ถอนคำพูดได้ ถ้าพลเอกประยุทธ์พูดผิดแล้ว มีคนยกมือให้ถอนคำพูด พลเอกประยุทธ์จะอยู่ในสภาพอย่างไร เพราะ 5 ปีนี้ ทุกคนก้มหัวฟังพลเอกประยุทธ์หมด แต่ในสภาผู้แทนราษฎรจะไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป

ดังนั้นการไม่กล้าดีเบตของพลเอกประยุทธ์ก็สะท้อนให้เห็นว่า พลเอกประยุทธ์ไม่สามารถอยู่ในระบอบประชาธิปไตยตามปกติได้ ระบอบที่เหมาะที่สุดกับพลเอกประยุทธ์ คือ เผด็จการเท่านั้น เพราะเป็นการพูดฝ่ายเดียว ไม่มีความเห็นต่าง ตนเองก็เห็นว่าถ้าพลเอกประยุทธ์จับพลัดจับผลูเข้าไปเป็นนายกฯอีกรอบ ตนคิดว่านี่คือกฎแห่งกรรม เข้าไปชดใช้กรรมมากกว่าเข้าไปทำงาน ความจริงพลเอกประยุทธ์น่าจะใช้โอกาสที่มี ดีเบตซักซ้อมการเข้าไปอยู่ในสภา 

นายจตุพร ยังกล่าวถึงเรื่องที่พลเอกประยุทธ์แต่งตั้ง พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา หรือ สว.ว่า เรื่องนี้ไม่สลับซับซ้อนอะไร ความจริงถ้าพลเอกประยุทธ์ฉลาดกว่านี้ เพียงแค่ลาออกจากหัวหน้า คสช. ลาออกจาก นายกรัฐมนตรี และให้พลเอกประวิตรเป็นผู้รักษาการในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ภาพจะดูดีกว่ามาก เราต้องรู้ความจริงว่าคนที่จัดการประเทศตัวจริงของ คสช.ที่มีศักยภาพสูงสุด ไม่ใช่พลเอกประยุทธ์ แต่เป็นพลเอกประวิตรในทุกๆ เรื่อง เพราะฉะนั้น การตั้งพลเอกประวิตร ก็เป็นการอธิบายความกันว่า ในการคัดเลือกวุฒิสภาก็ต้องใช้มือระดับพลเอกประวิตร  

นายจตุพร กล่าวอีกว่า ตลอดระยะเวลา 5 ปีนี้ ตนเองก็เห็นว่าบทเรียนเรื่องการตั้งพลเอกประวิตรความจริง ถ้าไม่คิดให้สลับซับซ้อนเพียงแค่พลเอกประยุทธ์ ลาออกจากหัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรีและมอบหมายให้พลเอกประวิตร ทำหน้าที่รักษาการจะแนบเนียนและมีศักยภาพมากกว่า เพราะเมื่อพลเอกประยุทธ์ นั่งเป็นหัวหน้า คสช. คนก็ไปร้องว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเอารัดเอาเปรียบคนอื่น สามารถใช้มาตรา 44 ได้ ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง มีอำนาจที่จะปลด กกต.ได้

อย่างไรก็ดี การเมืองเป็นศาสตร์และศิลป์ ก็รู้อยู่ว่าคนที่จัดการตัวจริงในประเทศนี้ ก็คือพลเอกประวิตร เพียงแค่ถอยมา แล้วให้พลเอกประวิตรรับหน้าแทน พลเอกประยุทธ์จะได้ไปช่วยหาเสียงให้กับพรรคพลังประชารัฐ โดยที่ไม่ได้มีตำแหน่งหัวหน้า คสช.และนายกรัฐมนตรีเป็นหัวโขน อย่างนี้เล่นง่ายกว่าเยอะ เพียงแต่ว่ากลยุทธ์ที่พลเอกประยุทธ์ ยังคงนั่งตำแหน่งนายกฯ และหัวหน้า คสช.จะทำให้พรรคพลังประชารัฐเอง ได้ไม่ถึง 126 เสียง ตามที่ตนเคยท้า ทั้งที่เขาประกาศไว้ว่าจะได้ 150 เสียง ตนขอให้จำปากตนไว้ พรรคไหนที่อารมณ์ดีแสดงว่าจะชนะ พรรคไหนที่เริ่มขึ้นคำหยาบแล้วนี่แพ้ทุกราย เพราะรู้ว่ามันไม่เป็นไปตามเป้า จึงกลบเกลื่อนอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ 

นายจตุพร ยังกล่าวด้วยว่า ความจริงทางการเมือง ในการคัดเลือก สนช. สปช. สปท. และ กรธ.ทั้งหลาย ก็ต้องใช้มือระดับพลเอกประวิตร เพราะพลเอกประวิตรนั้นในยุทธภพถือว่าเป็นคนที่กว้างขวาง 3 ป. ล้วนมีบุคลิกที่แตกต่าง พลเอกประวิตรมีเพื่อนพ้องน้องพี่เยอะ มีลักษณะพิเศษ เพราะฉะนั้นต้องใช้บุคลิกภาพแบบพลเอกประวิตรเป็นประธานสรรหา

ส่วนอีกด้านถ้าพลเอกประยุทธ์เป็นประธานสรรหาเอง ก็จะถูกกล่าวหาว่าแต่งตั้งคนที่จะมาเลือกตัวเอง แม้ว่าให้พลเอกประวิตรเป็นประธานสรรหาก็ตาม แต่ว่าโดยอำนาจที่แท้จริงแล้วท้ายที่สุด พลเอกประยุทธ์ก็ต้องลงนามแต่งตั้งอยู่ดี และ 250 สว. น��้นจะเป็นเสียงเอกฉันท์ที่จะยกมือให้พลเอกประยุทธ์ เพียงแต่พลเอกประยุทธ์จะหาเสียง 126 เสียงจากพรรคพลังประชารัฐได้หรือไม่ 

 อย่างไรก็ตาม ช่วงเย็นยังคงมีกำหนดการ พบปะประชาชน ณ ตลาดนัดวังรุ้ง ถนนนวลจันทร์ 38-40 และ ตลาดนัดเลียบด่วนรามอินทรา กทม. เพื่อช่วยผู้สมัคร เขต 14 บึงกุ่ม คันนายาว นายชวิศ ชุมพล อีกด้วย