ไม่พบผลการค้นหา
"พิชัย" เตือน รมว.คนนอก ถอนตัวก่อนเสียคนเหมือน ‘สมคิด’ เพราะจะแก้เศรษฐกิจไม่ได้ ชี้การชุมนุมจะเพิ่มขึ้น เร่งรัฐบาลนับถอยหลัง แนะ เร่งแก้รธน.ยุบสภาเลือกตั้งใหม่

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การส่งออกเดือน มิ.ย. มีทิศทางที่จะติดลบหนักอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่การส่งออกเดือน พ.ค. ติดลบแล้วถึงร้อยละ 27.9 ทั้งนี้เพราะการส่งออกรถยนต์ที่เป็นอุตสาหกรรมหลักของไทยในเดือน มิ.ย. ลดลงถึง ติดลบร้อยละ 48.71 อีกทั้ง การท่องเที่ยวที่แทบไม่มีการลงทุนหายไปเกือบหมด บริษัทห้างร้านจำนวนมากที่ต้องปิดตัว มีคนตกงานแล้ว 3.39 ล้านคนและกำลังว่างงานกันถึง 8 ล้านคนในไม่ช้า แสดงถึงภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อย่างหนัก

เป็นความจริง 1 ใน 9 ข้อตามที่ตนได้เตือนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไว้แล้ว แต่พล.อ.ประยุทธ์กลับไม่รับฟังและยังส่งโฆษกรัฐบาลออกมาตอบโต้แบบมั่วๆ แถมยังอ้างว่าความนิยมของพล.อ.ประยุทธ์ยังดีมาก หลังจากตอบโต้ได้ไม่ทันไร ความนิยมของพล.อ.ประยุทธ์กลับยิ่งทรุดหนักลงไปอีก โดยเป็นผลมาจากการชุมนุมของนักศึกษาและคนรุ่นใหม่ที่เกิดขึ้นแล้วและกำลังจะเกิดรวมแล้วกว่า 20 จังหวัดทั่วประเทศเหมือนไฟลามทุ่ง เพื่อขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งความไม่พอใจของนักศึกษาและคนรุ่นใหม่ที่เพิ่มขึ้นและจะเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ นี้ ตนก็ได้เตือน พล.อ.ประยุทธ์ไว้ก่อนแล้วเช่นกัน 

ดังนั้นจึงอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์กลับไปศึกษาความจริง 9 ข้อที่ตนได้เตือนไว้ เพราะจะเป็นจริงเหมือนที่ตนเคยเตือนทุกครั้ง โดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ทรุดหนักจริงมาตลอดและจะฟื้นได้ยากมาก ดังนั้นการปรับคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ครั้งนี้ จะเป็นโอกาสสุดท้ายที่ พล.อ.ประยุทธ์ที่จะได้แก้ตัว

ซึ่งเชื่อว่าจากรายชื่อบุคคลที่ปรากฏออกมาตามหน้าสื่อ การปรับ ครม. ครั้งนี้ จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ เพราะปัญหาเศรษฐกิจได้สะสมมานานกว่า 6 ปี และความมั่นใจในตัวผู้นำไม่มีเหลือ ชื่อชั้นของบุคคลที่จะเข้ามาดูแลเศรษฐกิจกลับแย่กว่าบุคคลที่ถูกปรับออกไปเสียอีก เมื่อเทียบกับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ หรือ ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล ที่ถูกเปลี่ยนไปก่อนหน้านี้ แต่ภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันกลับทรุดหนักกว่าในอดีตมาก

และถ้ารัฐมนตรีคนนอกฉลาดพอ ก็ควรจะต้องถอนตัวก่อนที่จะเสียคนเหมือนที่นายสมคิดเสียคนและเสียเครดิต เสียชื่อเสียงจนหมดสิ้นไปแล้ว อีกทั้งยังถูกด่าถูกไล่แบบหมดสภาพ ทั้งนี้เพราะ ครม.เศรษฐกิจใหม่ นอกจากจะต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่หนักหน่วงแล้ว ยังต้องเผชิญกับการประท้วงของนักศึกษาและคนรุ่นใหม่ที่เกิดขึ้นทั้งประเทศเพิ่มขึ้น และเป็นข่าวไปทั่วโลกแล้ว รัฐบาลจะสร้างความมั่นใจให้กลับมาได้อย่างไร ซึ่งตามข่าวหากนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ถอนตัวจริงก็ต้องถือว่านายไพรินทร์ฉลาดมาก และตัดสินใจถูกต้องแล้ว 

ทั้งนี้ แทนที่ พล.อ.ประยุทธ์จะระวังไม่ให้ความนิยมที่แย่อยู่แล้วต้องแย่ลงไปอีก พล.อ.ประยุทธ์กลับอนุญาตให้กองทัพซื้อเครื่องบินสำหรับรับรอง VIP ในราคา 1,348.5 ล้านบาท ในขณะที่ประชาชนกำลังอดอยากและลำบากกันอย่างมาก ซึ่งไม่ใช่แม้แต่จะเป็นเครื่องบินรบ แค่เป็นเครื่องบินเพื่อความสะดวกสบายของ VIP กองทัพเท่านั้น อีกทั้งยังมีการขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก ถึงแม้จะอ้างว่าไม่ห้ามการชุมนุม แต่มีการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และ ครู อาจารย์ เข้าข่มขู่นักศึกษาและครอบครัวเพื่อไม่ให้จัดการชุมนุมซึ่งสร้างความไม่พอใจให้ยิ่งเพิ่มขึ้น และเชื่อว่าจะยิ่งทำให้การชุมนุมเพิ่มขึ้นและใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ 

นอกจากนี้ สื่อต่างๆ ที่ พล.อ.ประยุทธ์เข้าพบเพื่อให้ช่วยสร้างภาพพจน์ ปรากฏว่ากลับออกมาตำหนิและโจมตี พล.อ.ประยุทธ์กันเป็นจำนวนมาก หลังจากที่พล.อ.ประยุทธ์ตำหนิสื่อเรื่องเสนอข่าว VIP ที่เข้ามาโดยไม่ต้องกักตัว แต่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และอาจเกิดการแพร่ระบาดได้ ซึ่งเป็นความผิดของรัฐบาลเอง อีกทั้งสื่อน่าจะเห็นสัญญาณการประท้วงของนักศึกษาและคนรุ่นใหม่ที่กระจายไปทั่วประเทศ น่าจะเป็นสัญญาณนับถอยหลังของรัฐบาลนี้แล้ว 

ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ควรจะต้องวิเคราะห์สถานการณ์ให้ชัดเจนว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งเชื่อได้ว่าการประท้วงน่าจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และยากที่จะหยุดยั้งความคิดและความรู้สึกของนักศึกษาและคนรุ่นใหม่ที่เห็นพล.อ.ประยุทธ์น่าจะเป็นตัวถ่วงความเจริญของประเทศ ทางออกที่ดีที่สุดน่าจะเป็นการเร่งแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย และยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว ก่อนที่สถานการณ์จะสายเกินแก้ ซึ่งคนส่วนใหญ่ของประเทศคงไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น