ไม่พบผลการค้นหา
พรรคอนาคตใหม่ ตอบกลับ กกต. เรียกดูเอกสารไม่เกี่ยวข้องกับกรณีการกู้เงิน ชี้ กกต. อาจมีธงคำตอบอยู่แล้ว เล็งดำเนินคดีตามกฎหมายหากพบเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ

ตามรายงานข่าวสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2562 มีใจความว่า กรณีพรรคอนาคตใหม่ไม่สามารถส่งเอกสารหลักฐานการกู้เงินจากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ภายในวันที่ 2 ธ.ค. 2562 ที่ประชุม กกต. เห็นว่า เอกสารที่ กกต. ให้พรรคอนาคตใหม่ ส่งภายในวันที่ 2 ธ.ค. 2562 เป็นเอกสารที่มีอยู่ในครอบครองของพรรคอนาคตใหม่อยู่แล้ว และถือเป็นประโยชน์ของพรรคอนาคตใหม่ที่จะยืนยันให้ กกต.เชื่อว่ามีการกู้เงินจริง เมื่อพรรคอนาคตใหม่ไม่สามารถส่งเอกสารหลักฐานดังกล่าวได้ ถือเป็นผลเสียต่อพรรคอนาคตใหม่เอง ดังนั้น กกต.จึงมีมติตัดพยานหลักฐานที่เหลือ และ กกต.จะพิจารณาเอกสารที่พรรคอนาคตใหม่ส่งมาบางส่วนนั้น พรรคอนาคตใหม่ขอโต้แย้งดังนี้

1. กกต. ได้ออกหมายเรียกพยานเอกสารจำนวนหลายรายการ ทั้งๆ ที่ยังไม่แจ้งข้อกล่าวหา และพรรคอนาคตใหม่ได้จัดส่งพยานเอกสารบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับการกู้ยืมเงินให้แก่ กกต. ทั้งสิ้นแล้ว อันได้แก่ สัญญากู้เงิน และหลักฐานการชำระหนี้เงินกู้ เอกสารเหล่านี้ เป็นหลักฐานสำคัญว่ามีการชำระหนี้เงินกู้จริง ซึ่งชำระเข้าบัญชีธนาคารของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ตั้งแต่เดือน ม.ค. 2562 เป็นต้นมา

2. เอกสารที่พรรคอนาคตใหม่ยังมิได้จัดส่งให้ กกต. นั้น ล้วนเป็นเอกสารที่ไม่เกี่ยวข้องกับการกู้ยืมเงินทั้งสิ้น เป็นที่น่าสังเกตว่า กกต. ได้เรียกเอกสารทั้งปวงโดยที่ กกต. ก็ไม่รู้ว่า จะนำเอกสารดังกล่าวไปดูในประเด็นอะไร จึงมีหมายเรียกเอกสารทางการเงินในลักษณะกวาดกองเอกสารทั้งปวงที่ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง กำหนดให้พรรคการเมืองจัดทำขึ้นและรายงานต่อ กกต. ปีละครั้งภายในเดือน เม.ย. ของปีปฏิทินถัดไป เป็นเอกสารตามหมายเรียก อันได้แก่

ก. บัญชีรายวันและแสดงรายได้หรือรายรับและแสดงค่าใช้จ่ายหรือรายจ่าย

ข. บัญชีแสดงรายรับจากการบริจาค

ค. บัญชีแยกประเภท

ง. บัญชีแสดงสินทรัพย์และหนี้สิน

กกต.เรียกเอกสารดังกล่าวของวันที่ 1 ม.ค. 2562 จนถึงวันที่ 30 ก.ย. 2562 โดยทำเป็นสำเนาและลงลายมือชื่อรับรองสำเนาเอกสารทุกหน้า

พรรคอนาคตใหม่ขอเรียนว่า ตามวิสัยและพฤติการณ์ กกต.เรียกให้ส่งเอกสารดังกล่าว โดยไม่คาดหมายว่า จะใช้ประโยชน์จากเอกสารดังกล่าวจริง และไม่คาดหมายว่า พรรคอนาคตใหม่จะส่งเอกสารให้แก่ กกต. ได้ทันหรือไม่ เพราะ กกต. กำหนดระยะเวลาส่งเอกสารสั้นอย่างยิ่ง กล่าวคือ สั่งเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2562 และกำหนดให้ส่งเอกสารภายในวันที่ 25 พ.ย. 2562 และต่อมา เมื่อพรรคอนาคตใหม่แจ้งส่งเอกสารบางรายการและผลัดส่งเอกสารบางรายการ กกต.ก็ขยายระยะเวลาให้ถึงวันที่ 2 ธ.ค. 2562 ทั้งๆ ที่ทราบดีอยู่แล้วว่า เอกสารดังกล่าวจะจัดส่งให้ กกต.ได้ พรรคอนาคตใหม่จะต้องได้รับการตรวจรับรองความถูกต้องจาก "ผู้ตรวจบัญชี" เสียก่อน ซึ่งมีกำหนดตรวจปีละหนึ่งครั้ง ก่อนส่งยื่นบัญชีประจำปีให้แก่ กกต.

การที่ กกต. เร่งรัดเอกสารดังกล่าว โดยไม่นำพาว่า จำนวนปริมาณของเอกสารที่ต่อให้สำเนาทั้งวันทั้งคืน และลงลายมือชื่อทั้งวันทั้งคืน ก็ไม่อาจจัดสำเนาได้ทันระยะเวลาที่กำหนด (ย้ำว่า "สำเนาเอกสาร") กล่าวได้ว่า เอกสารทั้งสี่รายการแต่ละเดือน เทียบกับปีที่ผ่านมา เมื่อบรรจุลงแฟ้มความจุขนาดสันหนา 3 นิ้ว ข้อมูลเอกสารดังกล่าวจะมีจำนวนประมาณ 10 แฟ้มต่อหนึ่งเดือน จะเห็นได้ว่า กกต.แสร้งเรียกเอกสารที่พรรคอนาคตใหม่ต้องจัดทำส่งให้ กกต. อยู่แล้ว ในแต่ละปีภายในเดือน เม.ย. ของปีปฏิทินถัดไป โดยสร้างภาระให้พรรคอนาคตใหม่จัดทำบัญชีรายการดังกล่าวให้เสร็จภายในวันที่ 2 ธ.ค. 2562 จึงแสดงให้ตั้งเป็นปัญหาได้ว่า เป็นการใช้อำนาจโดยสุจริตหรือไม่

3. การที่ กกต. ไม่วินิจฉัยว่า การกู้ยืมเงิน และมีการชำระหนี้เงินกู้กันจริง ตามเอกสารที่พรรคอนาคตใหม่ได้จัดส่งให้ กกต.แล้ว ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ แต่ในทางตรงข้าม กกต. กลับเรียกเอกสารบัญชีของพรรคอนาคตใหม่ โดยไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการกู้ยืมเงินกู้ และโดยที่ กกต. ยังไม่เคยแจ้งข้อกล่าวหาต่อพรรคอนาคตใหม่ หรือนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในเรื่องนี้ ฉะนั้น การตัดพยานของผู้ถูกกล่าวหา สามารถกระทำได้หรือไม่ ทั้งๆ ที่คดีนี้ยังไม่เริ่มการสอบสวนแต่อย่างใด ยังไม่มีผู้ถูกกล่าวหา หรือผู้ต้องหาแต่อย่างใด พรรคอนาคตใหม่ขอตั้งข้อสังเกตว่า จากเนื้อข่าวของที่ประชุม กกต. ดังกล่าว ส่อธงคำตอบบางประการของ กกต. หรือไม่ อย่างไร และการอาศัยช่องว่างของกระบวนการสืบสวนเรียกพยานเอกสารในทางที่เป็นปฏิปักษ์ต่อบุคคลที่จะถูกกล่าวหา เช่นนี้ ชอบธรรมเพียงใด และเป็นการตัดสิทธิให้การเป็นปฏิปักษ์ต่อตนเองของผู้ถูกกล่าวหาหรือไม่

ในท้ายนี้ พรรคอนาคตใหม่ขอสงวนสิทธิดำเนินการทางกฎหมายในกรณีที่พบว่า มีการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบต่อเจ้าหน้าที่หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องอย่างถึงที่สุดทั้งทางแพ่งและอาญา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง