ไม่พบผลการค้นหา
'วีระ' พา 'บก.ปทส.-ป่าไม้' ชี้แนวเขตที่ดิน 'พ่อ ปารีณา' รุกป่าสงวนเพิ่ม ลุยตรวจทุกซอกทุกมุม พบซากเอกสารหลายอย่างถูกทิ้งบ่อล้างติดเชิงเขา พบโครงกระดูก-ซากหัวกะโหลกสัตว์จำนวนมากข้างบ่อเลี้ยงจระเข้

นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อพนักงานสอบสวนทั้ง สภ.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ในข้อหาบุกรุกที่ป่าสงวนแห่งชาติ ในพื้นที่หมู่ 9 ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ซึ่งติดกับเขาสน เขตรอยต่ออำเภอจอมบึง และอำเภอสวนผึ้ง พร้อมทั้งยื่นร้องต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ ป่าไม้ และ สปก. ซึ่งเรื่องนี้นายวีระได้นำพยานและหลักฐานต่างๆ เข้ายื่นต่อพนักงานสอบสวน และได้มีการลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าของคดีมาโดยตลอด แต่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้เรื่องต้องหยุดชะงักไปพักหนึ่ง

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ ได้ร่วมกับฝ่ายปกครองและฝ่ายความ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ราชบุรี เข้าตรวจสอบพื้นที่ที่ครอบครองโดยนายทวี ไกรคุปต์ บิดาของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ตามที่นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอรัปชั่น (คปต.) ได้แจ้งความไว้เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2563 โดยการตรวจสอบร่วมกันของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรากฏว่า มีการบุกรุกที่ดินของรัฐ 3 ประเภทคือ

  • แปลงที่ 1 พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำพาชี เนื้อที่ 17-0-68 ไร่ ทำเป็นทางสัญจรและตั้งถังเก็บน้ำ
  • แปลงที่ 2 พื้นที่ป่าไม้ถาวร เนื้อที่ 207-3-68 ไร่ ทำทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ สร้างบ้านพัก และฟาร์มจระเข้
  • แปลงที่ 3 พื้นที่ป่าไม้ถาวร เนื้อที่ 39-0-48 ไร่ ทำทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์
  • แปลงที่ 4 พื้นที่ป่าไม้ถาวร เนื้อที่ 126-3-64 ไร่ ทำทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์
  • แปลงที่ 5 พื้นที่ป่าไม้ถาวร เนื้อที่ 1-2-84 ไร่ทำเป็นทางสัญจรและตั้งถังเก็บน้ำ

รวมพื้นที่ในความรับผิดชอบของกรมป่าไม้ 5 แปลงประมาณ 400 ไร่เศษ ซึ่งกรมป่าไม้ได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เป็นการกระทำความเอาผิดในการครอบครองตาม พ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และ พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. 2484

VID_20200604_110603_45.jpg


ล่าสุดวันนี้ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ทำการสอบสวนคดีอาญาที่ 2/2563 และ 7/2563 ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติอนุญาตให้สอบสวนคดีอาญาที่ 419/2563 และ 420/2563 ของสถานีตำรวจภูธรสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรีระหว่างนายวีระ สมความคิด กับ นายทวี ไกรคุปต์ ฐานความผิด ตามพระราชบัญญัติป่าไม้พุทธศักราช 2484 มาตรา 1(1), 54, 55, 72 ตรี, ประมวลกฎหมายที่ดิน พุทธศักราช 2497 มาตรา 2, 9, 108 ทวิ, พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พุทธศักราช 2507 มาตรา 14, 31 และพระราชบัญญัติน้ำบาดาล พุทธศักราช 2520 มาตรา 16, 36 ทวิบริเวณท้องที่หมู่ที่ 9 ต.ทำเคย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ซึ่งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนจึงมีความจำเป็นตรวจสอบประเทที่ดิน รังวัดพื้นที่ จำนวนเนื้อที่ดินและตำแหน่งที่ดินบริเวณโดยรอบแปลงที่ดินที่เกิดเหตุดังกล่าว อีกครั้ง

VID_20200604_114449_69.jpg


ทางคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ส่งหนังสือเชิญนายวีระ และนายทวี ไกรคุปต์ พร้อมทั้งส่งไปเชิญ น.ส.ปารีณา ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวของทั้งป่าไม้ บาดาล ส.ป.ก. พนักงานสอบสวน สภ.สวนผึ้ง และ ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อร่วมกันตรวจสอบ โดยจะขอให้ทางนายทวี หรือ น.ส.ปารีณา เป็นผู้ชี้แนวเขต แต่ปรากฏว่า วันนี้เวลา 10.00 น นายวีระ สมความคิด ได้เดินทางมาเพียงฝ่ายเดียว ส่วนฝ่ายของนายทวี ไม่มาตามหนังสือเชิญ และไม่มีการส่งทางตัวแทนมาเป็นผู้ชี้แนวเขตแต่อย่างไร

ทางพนักงานสืบสวนสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้ขอหมายศาลจังหวัดราชบุรี เข้าตรวจค้น โดยที่ศาลได้อนุมัติตามคำขอ และให้ดำเนินการได้ไม่เกินเวลา 17.00 น. ของวันนี้ จากนั้นได้นำหมายศาลแสดงต่อ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นผู้ปกครองในพื้นที่ พร้อมทั้งให้เซ็นหนังสือลงลายมือร่วมกัน โดยมีนายวีระ ลงลายมือชื่อเป็นพยาน ก่อนจะนำกำลังเจ้าหน้าที่ โดยมีนายวีระ และสื่อมวลชนเข้าไปตรวจสอบภายในพื้นที่ทั้งหมด

VID_20200604_114418_68.jpg


นายวีระได้พา เจ้าหน้าที่ และสื่อมวลชนเข้าไปยังบ่อเลี้ยงจระเข้ ซึ่งนายทวีได้รับการอนุญาตจากกรมประมงให้สามารถเลี้ยงได้ตามใบอนุญาต จำนวน 1,050 ตัว และเลี้ยงบ่อซีเมนต์ไม่สามารถเพาะพันธุ์ได้ โดยพบว่าภายในบ่อยังมีการเลี้ยงจระเข้อยู่จำนวนมาก เจ้าหน้าที่ได้ถ่ายภาพและบันทึกไว้เป็นหลักฐาน แต่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ ต้องรอให้ใบอนุญาตหมดอยู่ โดยจะสิ้นสุดในวันที่ 26 ส.ค. 2563 นี้ หากนายทวีไม่มีการเคลื่อนย้ายออกก็จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย เอาผิดกับนายทวี ในฐานะผู้ครอบครองต่อไป

จากนั้นนายวีระได้พาเจ้าหน้าที่เดินไปตรวจสอบพื้นที่ซึ่งเป็นทางลูกรังอยู่บริเวณเชิงเขาพบตู้แช่ถูกทิ้งจำนวนมาก และพบเอกสารสำคัญทางราชการหลายรายการ และยังมีหมายศาลที่เชิญบุคคลที่เกี่ยวของกับนายทวี และ น.ส.ปารีณา ไปไกล่เกลี่ยที่ศาลด้วย อีกทั้งยังพบเอกสารเกี่ยวกับการเช่าที่ดินอีกหลายรายการ โดยด้านหลังโฉนดพบมีชื่อน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ เป็นผู้ที่ครอบครอง และเคยครอบครองอีกด้วย โดยนายวีระ และเจ้าพนักงานสอบสวน รวมถึงสื่อมวลชนได้บันบันทึกภาพ เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยเจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบว่าเอกสารต่างๆ นี้ มีความเกี่ยวโยงกับคดีหรือไม่

VID_20200604_110153_39.jpg

หลังจากนั้น นายวีระได้นำเจ้าหน้าที่ และสื่อมวลชนเข้าไปบริเวณโรงร้างซึ่งอยู่ด้านหลังของเลี้ยงจระเข้ พบซากของหัวสัตว์ที่มีความคล้ายคลึงกับสุนัข และกองโครงกระดูกของสัตว์ซึ่งน่าจะเป็นของซากหัวกะโหลก ดังกล่าวและมีความเหม็นสาบคลุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ โดยเชื่อกันว่าน่าจะถูกแร่เนื้อใช้เลี้ยงจระเข้ภายในบ่อดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ได้บันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน ส่วนจะเอาความผิดได้หรือไม่นั้นต้องตรวจสอบความเกี่ยวโยงกับคดีก่อน และไม่มีเจ้าทุกข์มาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ก็ไม่สามารถที่จะดำเนินคดีได้

นายวีระ กล่าวว่า จากที่ปรากฏเป็นสื่อออกไปเรื่องการบุกรุกครอบครองพื้นที่ของนายทวี ไกรคุปต์ เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเป็นการกระทำความผิดอย่างแน่นอน แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถดำเนินคดีได้เลย ปล่อยเวลายืดเยื้อออกมานานมาก หากเป็นชาวบ้านตาสีตาสาโดยดำเนินคดีติดคุกไปนานแล้ว จากภาพและหลักฐานต่างๆ ก็ถูกเผยแพร่ออกมาเองจากนายทวี จากการที่ลงไปหาเสียงในพื้นที่ชาวอำเภอโพธาราม และชาวอำเภอจอมบึง ซึ่งระบุไว้ชัดเจน ชาวบ้านได้นำมามอบให้ ตนได้พยายามติดตามการดำเนินคดีของทางเจ้าหน้าที่มาโดยตลอด ซึ่งอยากเห็นการทำงานของทางเจ้าหน้าที่รัฐอย่างตรงไปตรงมา ผิดก็ว่าไปตามผิด เพื่อคงความยุติธรรมของกฎหมายและความถูกต้อง

VID_20200604_115021_75.jpg


อย่างไรก็ดี วันนี้พนักงานสืบสวนสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะได้ทำการตรวจสอบ ในพื้นที่อย่างละเอียด รวมถึงบันทึกทรัพย์สินที่อยู่ภายในทั้งหมด เพื่อนำไปประกอบในสำนวนคดี ส่วนผลการสืบสวนจะออกมาเป็นอย่างไร ตอนนี้ต้องรอทางเจ้าหน้าที่ทำงานก่อน และการรวบรวมเอกสารหลักฐานต่างๆ และจะนำกลับไปประชุมที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอีกครั้ง และรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบต่อไป