ไม่พบผลการค้นหา
ราคาทองโลกพุ่งทะลุ 1,600 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ออนซ์ หลังอิหร่านจู่โจมกองทัพสหรัฐฯ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ราคาทองวันพุธ 8 ม.ค. 2563 พุ่งขึ้นกว่าร้อยละ 2 ทะลุกรอบ 1,600 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ออนซ์ หลังอิหร่านยิงจรวดถล่มฐานทัพสหรัฐฯ ในอิรัก โดยราคาทองทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่มีการสังหารพลตรีโซเลมานีของอิหร่าน สะท้อนความไม่มั่นใจของนักลงทุนทั่วโลก ที่เทหนีความเสี่ยงเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย (safe heaven)

'เจฟฟรีย์ ฮัลเลย์' นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโส บริษัทโออันดา กล่าวว่า รู้สึกประหลาดใจที่อิหร่านเลือกตอบโต้กลับสหรัฐฯ ด้วยการจู่โจมดังกล่าว ที่เปรียบเสมือนการเชื้อเชิญให้สหรัฐฯ ตอบกลับแบบสุดโต่ง 

'เจฟฟรีย์' ย้ำว่า จากสถานการณ์ดังกล่าว สิ่งที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนที่สุดในขณะนี้คือ ทอง เงิน และน้ำมันจะยังเดินหน้าได้รับประโยชน์ส่วนใหญ่ในตลาดฝั่งเอเชีย

ในทางตรงกันข้าม ตลาดหุ้นล่วงหน้าของสหรัฐฯและตลาดหุ้นในฝั่งเอเชียกลับพาเหรดปรับตัวลดลงอย่างเห็นได้ชัด ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ณ เวลา 13.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ติดลบร้อยละ 0.42 ขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย ติดลบร้อยละ 1.46 ในเวลาเดียวกัน

เมื่อโลกไม่ปลอดภัย 'สินทรัพย์ปลอดภัย' จะทำงาน

สำหรับประเทศไทย 'รุ่ง สงวนเรือง' ผู้อำนวยการผู้บริหารกลุ่มวิจัยและวิเคราะห์ตลาดการเงิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ชี้ว่า ราคาทองในวันพุธ 8 ม.ค. 2533 ช่วงสายอยู่ที่ 22,821 บาท/ 1 บาททองคำ คิดเป็นการปรับตัวขึ้นร้อยละ 3.3 เมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดในวันศุกร์ 3 ม.ค. ที่ผ่านมา

สินทรัพย์ปลอดภัยอื่นๆ อาทิ พันธบัตรรัฐบาลทั่วโลกมีการเข้าซื้อเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของไทยทั้ง 5 และ 10 ปี ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ ที่ร้อยละ 1.25 และ 1.32 ตามลำดับ ข้อมูล ณ วันที่ 8 ม.ค. 

'รุ่ง' อธิบายเพิ่มว่า ปัจจุบันค่าเงินบาทไม่ได้ถูกมองจากนักลงทุนต่างชาติว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยอีกต่อไป สะท้อนจากค่าเงินบาทในช่วง 12.30 น. ของวันที่ 8 ม.ค. อ่อนมาอยู่ที่ 30.29 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ค่าเงินที่เป็นเป้าหมายของนักลงทุนท่ามกลางความไม่แน่นอนระหว่างสหรัฐฯและอิหร่านกลายเป็น สกุลเงินเยนของญี่ปุ่น และสกลุเงินฟรังก์สวิสของสวิตเซอร์แลนด์

'รุ่ง' ปิดท้ายว่า นักลงทุนยังคงรอความแน่ชัดของสถานการณ์ และรอว่าสหรัฐฯ จะมีท่าทีอย่างไร หลัง 'โดนัลด์ ทรัมป์' ประกาศว่าจะออกมาแถลงข่าวต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

อ้างอิง; Bloomberg, CNBC

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :