ไม่พบผลการค้นหา
อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักษาชาติ ยกปมบัญชีทรัพย์สิน ร้องเรียน ป.ป.ช.เร่งส่งศาลวินิจฉัย ครม.ประยุทธ์-สนช. จงใจไม่ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สิน

เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักษาชาติ กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่มาประชุมกับอนุกรรมาธิการแผนบูรการ 1 ได้ชี้แจงว่าเมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2560 ซึ่งเป็นวันใช้บังคับรัฐธรรมนูญนั้น ปรากฏว่า คณะรัฐมนตรีประยุทธ์ 1 และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในขณะนั้น ไม่ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินแต่อย่างใด

โดยตนได้ยกคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญมาถามเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. กรณีศาลวินิจฉัยไว้แล้วว่าเมื่อใช้รัฐธรรมนูญใหม่ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ยังคงอยู่ต่อไปก็ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินใหม่ ดังนั้นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.มิอาจโต้แย้งคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยไว้เป็นเด็ดขาดแล้ว

เรืองไกร ยังตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมปัจจุบัน ป.ป.ช.ยังมีการฟ้องร้องนักการเมืองที่ไม่ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช.2542 เพื่อให้ศาลฎีกานักการเมืองพิพากษาอยู่แสดงว่า ป.ป.ช.ยังใช้กฎหมายดังกล่าวอยู่ อย่างไรก็ตาม ป.ป.ช.กลับไม่ใช้ดำเนินการกับ ครม.ประยุทธ์ 1 และ สนช. ทั้งที่มีคำวินิจฉัยผูกพันไว้ และมีคำพิพากษาศาลฎีกานักการเมืองเป็นบรรทัดฐานแล้วหลายคดี

เรืองไกร กล่าวว่า ติดตามเรื่องนี้มานานพอควร และต้องรอให้ ม.44 สิ้นสภาพไปก่อน ประกอบกับบ้านเมืองมีปัญหาเรื่องงบประมาณ 2563 ล่าช้า และเกิดวิกฤติโรคโควิด-19 จึงรอเรื่องไว้และดูว่าจะมีใครดำเนินการเรื่องนี้หรือไม่ ประกอบกับได้ปรึกษาหารือเรื่องนี้กับทนายความและอดีตผู้พิพากษาศาลฎีกาแล้วเห็นตรงกันว่า เรื่องนี้มีมูลที่ควรส่งให้ศาลตัดสิน ดังนั้นสมควรแก่เวลาที่ต้องขอให้ ป.ป.ช.อย่านิ่งเฉย ต้องรีบส่งศาลฎีกานักการเมืองพิพากษาว่าจะตัดสิทธิทางการเมืองของ ครม.ประยุทธ์ 1 และ สนช.หรือไม่

เพราะถึงเวลาที่ต้องดำเนินการเรื่องนี้ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายโดยเร็ว เพื่อไม่ปล่อยให้คดีขาดอายุความ ดังนั้นตนจะส่งหนังสือทางไปรษณีย์ เพื่อให้ ป.ป.ช.รีบมีมติส่งเรื่องกรณีดังกล่าว ให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้พิจารณาพิพากษาว่า จะตัดสิทธิทางเมืองพล.อ.ประยุทธ์กับพวก ฐานจงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.หรือไม่