ไม่พบผลการค้นหา
กมธ.สารเคมีฯ พร้อมให้เวลา 4 รัฐมนตรีหลักเข้าชี้แจง โดย 'ชวลิต' เรียกร้อง "เฉลิมชัย ศรีอ่อน" แจงสังคมที่ไม่สั่งแบนพาราควอต โดยเผยมีกรรมาธิการ 2 รายถูกขู่ฆ่าแล้ว

คณะกรรมาธิการ หรือ กมธ.วิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางการควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม สภาผู้แทนราษฎร นำโดยนายชวลิต วิชยสุทธิ์ ประธาน กมธ. แถลงผลการประชุมวันนี้เปิดเผยว่า มี กมธ. 2 คนถูกขู่ฆ่าจากการทำงานเพื่อต่อต้านการใช้สารเคมีร้ายแรง คือ รองศาสตราจารย์นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา กับ รองศาสตราจารย์พวงรัตน์ ขจิตวิชยานุกูล ซึ่ง กมธ.คนอื่นๆได้ให้กำลังใจและแนะนำให้ไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน เพื่อให้เรื่องนี้เป็นที่รับรู้ของประชาชนมากที่สุด ซึ่ง กมธ.ไม่ควรมีภาระความกังวลใดๆในการทำงานเพื่อประชาชนส่วนใหญ่

นายชวลิต กล่าวถึงอีก 2 ประเด็นจากการประชุมวันนี้ด้วยว่า ได้เรียก 4 รัฐมนตรีกระทรวงหลักที่เกี่ยวข้องกับการแบนหรือยุติการใช้สารเคมีที่มีความเสี่ยงสูง 3 ชนิด คือ พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส ซึ่งเป็นจุดยืนที่ชัดเจนของ กมธ. ประกอบด้วย กระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงอุตสาหกรรมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เข้าให้ข้อมูลถึงนโยบายและแนวทางการควบคุมการใช้สารเคมีดังกล่าวในภาคเกษตรกรรมซึ่งทั้ง 4 คนติดภารกิจ มอบหมายผู้แทนมาชี้แจง แต่ กมธ. ต้องการคุยกับรัฐมนตรีว่าการเท่านั้น และจะรอจนกว่ารัฐมนตรีทั้ง 4 คนจะว่างหรือพร้อมที่จะมาให้ข้อมูลได้ พร้อมยืนยันว่าจะดำเนินการเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด

นายชวลิต ได้ตั้งคำถาม ถึงนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่าทำไมไม่แบนสารเคมี 3 ตัว แต่มีแค่เพียงมาตรการแค่จำกัดการใช้ไปก่อน ทั้งที่ข้าราชการประจำได้ยกร่างหนังสือแจ้งกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย เพื่อขอให้จัดสาร 3 ตัวนี้ เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 คือ ห้ามผลิต, นำเข้า, ส่งออกและห้ามจำหน่าย เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา

พร้อมกันนี้ เรียกร้องให้ นายเฉลิมชัย ต้องตอบกับสังคมว่ามีเหตุผลอย่างไร ที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างจากนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ รวมทั้งทางกระทรวงสาธารณสุข ที่มีความชัดเจนว่าจะแบนสารเคมี 3 ตัวนี้ ตลอดจนรัฐมนตรีอุตสาหกรรม ก็แสดงความเห็นส่วนตัวว่าต้องการแบนเช่นเดียวกัน จึงเหลือเพียงนายเฉลิมชัย ที่ต้องดำเนินการเรื่องนี้ให้ชัดเจน แล้วควรทำงานเพื่อประชาชนโดยปรึกษากับทุกฝ่าย โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน รวมทั้งนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมาบอกว่าได้พูดคุยกับนายเฉลิมชัยแล้ว ว่าพร้อมเดินหน้าแบนสารพิษร้ายแรง 3 ตัวนี้แน่นอน ถึงขนาดเสนอว่าอยากให้รัฐบาลออกเป็นพระราชกำหนดด้วยซ้ำไป

นอกจากนี้ กมธ.จะทำงานเชิงรุกโดยลงพื้นที่ดูงานในวันที่ 4-5 ตุลาคมนี้ที่ อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เพื่อดูสินค้าพืชผักการเกษตรจากประเทศจีนที่นำเข้ามาสู่ประเทศไทยว่ามีสารปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐานหรือไม่ด้วย

ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย มองว่า วันนี้มีการประชุมคณะกรรมชุดที่จะผลักดันนโยบายของพรรคเพื่อไทยด้านแนวทางที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง เรื่องอาหารปลอดภัย ซึ่งเป็นไปตามที่เคยหาเสียงไว้ก่อนการเลือกตั้ง โดยจุดยืนของพรรคเพื่อไทย ต่อสารเคมีที่เป็นพิษร้ายแรงที่ส่งผลต่อสุขภาพ เพื่อไทยเห็นว่าประเทศไทยต้องยุติการใช้สารเคมีร้ายเเรง โดยจะใช้โอกาสนี้ในการเปลี่ยนแปลงประเทศครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นการลงทุนสำคัญเพื่อการซื้อชีวิตประชาชน จากโรคภัยที่เกิดขึ้นจากการสะสมสารพิษ เช่นโรคมะเร็ง เป็นต้น ขณะเดียวกันยังเป็นการยกระดับรายได้ของเกษตรกร นอกจากนี้ต้องมีทางเลือกให้กับเกษตรกรด้วย 

ทั้งนี้เตรียมเสนอรัฐบาลจัดเตรียมงบประมาณสนับสนุนแนวทางของพรรคที่จะตั้งกองทุนปรับเปลี่ยนหน้าดิน ซึ่งคาดว่าจะใช้งบเริ่มต้นที่1หมื่นล้านบาท เพื่อสร้างทางเลือกให้เกษตรกร ซึ่งถ้าไม่ใช้สารเคมีในการกำจัดวัชพืช ก็จะต้องใช้เครื่องมือทางการเกษตร รัฐบาลก็จะลงทุนให้ก่อนโดยการให้กู้เงิน และให้ใช้คืนภายในเวลา5ปีโดยไม่มีดอกเบี้ย รวมถึงการใช้สารอินทรีย์ ในการกำจัดวัชพืช พร้อมทั้งนำเงินในกองทุนไปส่งเสริมการปลูกพืชทดแทนระหว่างการเปลี่บนหน้าดินซึ่งจะเป็นทางออกที่จะเสนอต่อรัฐบาลในการทำให้เกษตรกรไม่ใช่สารเคมี 

นอกจากนี้เพื่อไทยยังมีแนวนโยบายที่จะผลักดัน จะให้ไทยเป็นศูนย์กลางผลิตอาหารปลอดภัย ซึ่งจะทำให้รายได้เข้าประเทศเป็นจำนวนมาก ที่จะส่งออกอาหารปลอดภัยไปสู่ยุโรปและประเทศระดับต้นๆของเอเชียทั้งนี้ส.ส.ของพรรคที่เป็นกรรมาธิการทำงานในสภาฯ จะเสนอให้รัฐบาลปรับเปลี่ยนงบประมานมา สนับสนุนแนวทางการแบนสารเคมีดั่งกล่าว

ขณะนายปลอดประสพ บอกว่า การผลักดันแนวทางให้ประเทศเป็นศูนย์กลางด้านอาหารปลอดภัย ไม่ได้หมายถึงแค่อาหารที่ปรุงเเล้วแต่ยังหมายถึง วัตถุต้องแต่เเรกเริ่มในการปรุง ขณะนี้พบ3สารพิษที่มีความร้ายแรง จากข้อมูลทางวิชาการชี้ว่า ส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนโดยตรงอย่างร้ายแรง เช่นพาราควอต นอกจากนี้สารพิษยังทำให้หน้าดินเสื่อม สร้างความเสียหายต่อทรัพยากรมหาศาล

"น้าแอ๊ด คาราบาว" แต่งเพลง "ยุบเถอะ เลิกเถอะ" มอบให้ อนุทิน-มนัญญา แบน 3 สารเคมี

นายยืนยง โอภากุล หรือ “แอ๊ด คาราบาว” แต่งเพลงใหม่ “ยุบเถอะ เลิกเถอะ” ให้กับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการแบนสารพิษ 3 ชนิด ประกอบไปด้วย พาราควอต ไกลโฟเซต และ คลอร์ไพริฟอส ซึ่งการตัดสินใจจะให้เลิกใช้สารเคมีดังกล่าว อยู่ในขั้นตอนที่คณะกรรมการวัตถุอันตราย จะหยิบยกขึ้นมาพิจารณาใหม่ภาคประชาชนสงสัยในบทบาทของกรรมการวัตถุอันตรายทั้ง 29 คน เพราะการพิจารณาเรื่องนี้มีการลงมติแบบลับ ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญส่งผลกระทบต่อชีวิตประชาชนชาวไทย 67 ล้านคน ที่จะต้องสัมผัส บริโภค พืช ผัก ผลไม้ ที่อาจจะมีสารเคมีตกค้างอยู่

ทั้งนี้ นายยืนยง ได้อนุญาติให้ นำเพลง “ยุบเถอะ เลิกเถอะ” และเพลง “หนูกัญชา” ใช้ในการรณรงค์ต่อต้านสารเคมีพิษภาคการเกษตร ในนามของพรรคภูมิใจไทย