ไม่พบผลการค้นหา
คุยกับ ‘น้ำมนต์ – วัชรา ลี้โกมลชัย’ และ ‘หมอโอ๊ค – นายแพทย์สมิทธิ์ อารยะสกุล’ ผู้ก่อตั้ง ‘ซีแอลพี ลีฟวิ่ง’ (CLP Living) แบรนด์เทคโนโลยีเครื่องจักรกลการเกษตรของไทย ที่ต้องการเห็นทุกบ้านได้รับประโยชน์สูงสุดจากข้าว พวกเขาเชื่อว่า ‘ข้าวมีชีวิต’ และช่วงเวลาที่มีคุณค่าสูงสุด จึงพยายามนำเสนอไลฟ์สไตล์การรับประทานข้าวแบบใหม่ ผ่านเครื่องขัดข้าวใช้ในบ้านสีขาวสะอาด หน้าตามินิมอล ‘ไมโกะพลัส’ (Maiko+) เพื่อมาช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนเมืองให้ดียิ่งขึ้น

ไม่ว่าจะบด จะต้ม จะปิ้ง หรือจะผัด ‘ข้าว’ คือวัตถุดิบหลักแทบจะทุกมื้ออาหารของคนไทย ตั้งแต่เล็กๆ พวกเราต่างเติบโตมาพร้อมสารพัดข้าวหลากหลายเมนู แต่เชื่อเลยว่าตลอดชีวิตของคนส่วนใหญ่ ไม่เคยสัมผัสรสชาติแท้จริงของ ‘ข้าว’ เพราะกว่าข้าวจะเดินทางมาถึงจานอาหาร กระบวนการสีข้าวกร่อนเอาคุณค่าทางสารอาหารของข้าวแต่ละเมล็ดออกไป แล้วยิ่งถ้าผ่านวันเวลาการเก็บอีกเป็นเดือนเป็นปี ยิ่งส่งผลให้ความนุ่ม หอม อร่อย ของข้าวเริ่มเจือจาง และสูญสลายไปในที่สุด

CLP MON.jpg

‘หนึ่งเดือนหลังการสี และหนึ่งอาทิตย์หลังการขัด’ คือช่วงเวลาอันจำกัดของ ‘ชีวิตข้าว’ ที่สดใหม่อย่างแท้จริง และเป็นโจทย์สำคัญของ ‘ซีแอลพี ลีฟวิ่ง’ (CLP Living) แบรนด์ผู้ผลิตเทคโนโลยีเครื่องจักรกลการเกษตรของคนรุ่นใหม่ ‘น้ำมนต์ – วัชรา ลี้โกมลชัย’ ที่ร่วมมือพัฒนากับ ‘หมอโอ๊ค – นายแพทย์สมิทธิ์ อารยะสกุล’ ต้องช่วยกันขบคิดว่า จะทำอย่างไรให้วิถีการบริโภคข้าวของคนเมืองเปลี่ยนแปลงไป โดยสามารถเสียบปลั๊กหุงข้าวสดใหม่ เสมือนเพิ่งผ่านการเก็บจากรวงมาทานทุกวัน และไม่รู้สึกยุ่งยากเกินกำลัง

CLP5.jpg
  • ‘หมอโอ๊ค – นายแพทย์สมิทธิ์ อารยะสกุล’ และ ‘น้ำมนต์ – วัชรา ลี้โกมลชัย’ ผู้บริหาร ซีแอลพี ลีฟวิ่ง

คำตอบมาจบลงตรง ‘ไมโกะพลัส’ (Maiko+) เครื่องขัดข้าวใช้ในบ้านสีขาวสะอาด ขนาดกะทัดรัด หน้าตามินิมอล ซึ่งใช้เวลาออกแบบนานกว่าหนึ่งปีครึ่ง เพื่อเป็นเครื่องขัดข้าวที่ตอบโจทย์ความต้องการของทุกผู้คน ทุกครัวเรือน และทุกองค์กร ทั้งเรื่องของฟังก์ชัน และดีไซน์ โดยสามารถขัดข้าวกล้องได้มากถึง 7 ระดับ พร้อมวางเป้าหมายสร้างการรับรู้เชิงคุณค่า เพื่อนำทางสู่ประสบการณ์ไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ๆ ที่หลอมรวมวัฒนธรรมการบริโภคข้าวเข้าไว้ด้วยกัน


อาจจะเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับสังคมไทย แต่คงไม่ช้าเกินไปหากอยากทำความเข้าใจว่า ทำไมเราควร ‘ขัดข้าว’ ทานเองที่บ้าน?

หมอโอ๊ค : หลายคนคงจะรู้สึกได้ไม่ยากว่า อาหารจำพวกเนื้อสัตว์ หรือผักผลไม้ต่างๆ ล้วนเป็นสิ่งมีชีวิต ซึ่งมีช่วงเวลาการทานดีที่สุด และช่วงเวลาเสียคุณค่า แต่สำหรับข้าวแล้ว คนไทยส่วนใหญ่มักรู้สึกเหมือนเป็นสิ่งพื้นฐาน แล้วหลงลืมว่า ‘ข้าวเป็นสิ่งมีชีวิต’ เพราะรู้สึกมันเป็นแป้ง นั่นทำให้เราต้องพยายามค้นคว้า ศึกษา วิจัย และพิสูจน์ว่าข้าวมีชีวิตจริงๆ มีช่วงอายุที่ดีสุด ช่วงเวลาที่ควรรับประทาน ทั้งเรื่องคุณค่าแล้วก็รสชาติ ถ้าหากจะรับประทานในช่วงชีวิตดีที่สุดก็ต้องมีตัวช่วยเข้ามาทำให้มีกระบวนการที่สามารถทำได้ในบ้าน แล้วเกิดความสดใหม่นั่นเองครับ

น้ำมนต์ : ข้าว พอเกี่ยวมาแล้วจะเป็นข้าวเปลือก เก็บไว้ได้ค่อนข้างนาน แต่ก็ขึ้นอยู่อุณหภูมิด้วย ทีนี้พอเริ่มเข้าสู่กระบวนการแปรรูปเป็นข้าวกล้อง กะเทาะเปลือกข้างนอกออก ชีวิตของข้าวจะสั้นลงเหลือแค่ 1 เดือน และจริงๆ แล้วก่อนรับประทานควรขัดเปิดผิวข้าวสักนิดหนึ่ง เพราะมันช่วยให้เกิดสารอาหารดีที่สุด ซึ่งถ้าทุกคนสามารถขัดข้าวได้ในชีวิตประจำวัน จะทำให้ได้มากกว่าแค่ข้าว แต่ทำให้ได้ทั้งสารอาหาร และรสชาติก็ชัดเจนมากเลยว่า ข้าวสดใหม่จริงๆ รสสัมผัสจะมีทั้งความหนึบ ความนุ่ม ความหอม ความหวาน ซึ่งขึ้นอยู่กับชีวิตของข้าวจริงๆ

“ถ้าทุกคนสามารถขัดข้าวได้ในชีวิตประจำวัน จะทำให้ได้มากกว่าแค่ข้าว แต่ทำให้ได้สารอาหาร และรสชาติก็ชัดเจนมากเลยว่า ข้าวสดใหม่จริงๆ รสสัมผัสจะมีทั้งความหนึบ ความนุ่ม ความหอม ความหวาน ซึ่งขึ้นอยู่กับชีวิตของข้าวจริงๆ”

แล้วเครื่องขัดข้าว ‘ไมโกะพลัส’ สามารถตอบโจทย์ต่างๆ ได้ครบถ้วนแค่ไหน?

น้ำมนต์ : ต้องบอกก่อนว่า คอนเซ็ปต์ของไมโกะพลัสมาจากการทำงานร่วมกันกับบริษัทญี่ปุ่น ‘ไทวา เซกิ’ (Taiwa Seiki) เราพัฒนาเครื่องสีข้าวร่วมกันกับทาง ‘ซีแอลพี’ (CLP) โดยทำตั้งแต่เครื่องสีข้าวขนาดใหญ่ให้กับชุมชน แล้วเราได้โอกาสเดินทางไปดูงานที่ญี่ปุ่นบ่อยๆ ทำให้เห็นมุมมองเรื่องข้าวของคนญี่ปุ่น ที่แตกต่างกับคนไทยค่อนข้างมาก เขามีเครื่องขัดข้าวไว้ใช้ในบ้าน ทำให้เราเกิดความสนใจว่า ทำไมถึงทำแบบนั้น? ทำไมสุขภาพคนญี่ปุ่นดีจัง? แล้วทำไมเมืองไทยทำแบบนั้นไม่ได้? จึงเริ่มศึกษาเพิ่มเติมถึงแนวคิดดังกล่าว ประจวบเหมาะกับได้พาร์ทเนอร์เป็นคนญี่ปุ่น ทำให้เห็นเครื่องจริงๆ ที่ญี่ปุ่นใช้กัน เลยเอามาเป็นต้นแบบพัฒนาให้เหมาะกับการขัดข้าวสายพันธุ์ของไทย

CLP2.jpg

หมอโอ๊ค : ถ้าอยากทานข้าวสดใหม่จริงๆ ต้องขัดข้าวเองที่บ้าน เราเลยพยายามออกแบบให้ไมโกะพลัสขนาดเล็กที่สุด ผมคุยกับมนต์ตลอดระหว่างการพัฒนาว่า ตัวเครื่องต้องใช้งานง่ายมากๆ แล้วต้องสามารถปรับระดับได้ด้วย เพราะในใจอยากให้เกิดการฝึกการทานข้าว และเกิดรสสัมผัสที่ต่างกัน ระดับการขัดตั้งแต่น้อยๆ เหมาะสำหรับคนที่ทานข้าวกล้องเก่งแล้ว หรือขัดเยอะๆ หน่อยให้ใกล้เคียงกับข้าวขาวมากขึ้น แล้วอีกอย่างที่ขอมนต์คือ ต้องเก็บ ‘รำข้าว’ ให้ได้ เพราะรำข้าวเป็นส่วนที่มีประโยชน์ และคนยุคปัจจุบันก็นำรำมาประยุกต์ให้เข้ากับเมนูสุขภาพต่างๆ ได้ด้วย เช่น ใส่ในสมูตตี้ โรยหน้าสลัด ทำขนบอบ คือได้ใช้ข้าวเต็มเมล็ดจริงๆ

“พยายามออกแบบให้ไมโกะพลัสขนาดเล็กที่สุด และต้องเก็บ ‘รำข้าว’ ให้ได้ เพราะรำข้าวเป็นส่วนที่มีประโยชน์ และคนยุคปัจจุบันก็นำรำมาประยุกต์ให้เข้ากับเมนูสุขภาพต่างๆ ได้ด้วย”
CLP1.jpg
  • ช่องขวา คือข้าวที่ถูกขัดสดใหม่ ส่วนช่องซ้ายคือช่องเก็บรำข้าว ที่ได้จากการขัด

ทั้งๆ ที่เครื่องไมโกะพลัสสามารถขัดข้าวกล้องไทยได้ทุกสายพันธุ์ แต่ทางซีแอลพี ลีฟวิ่ง ยังเบลนด์ข้าวออกมาจำหน่ายหลากหลายสูตร จนการทานข้าวกลับกลายเป็นเรื่องน่าสนุกมากยิ่งขึ้น จึงอยากให้ช่วยแนะนำหน่อยว่า ข้าวแต่ละสูตรมาพร้อมคุณสมบัติพิเศษอย่างไรบ้าง?

น้ำมนต์ : จริงๆ เครื่องไมโกะพลัสสามารถขัดข้าวกล้องของไทยได้หมด แต่เหตุผลหลักของการเบลนด์ข้าวเองด้วย เพราะต้องการส่งเสริมกลุ่มเกษตรกร โดยรับข้าวตรงจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนศาลานา พวกเขาสร้างมาตรฐานการปลูกข้าวแบบอินทรีย์ ทำการตรวจเช็คแล้ว และรับซื้อผลผลิตด้วยราคาเป็นกลาง ก่อนนำข้าวหลากหลายสายพันธุ์มาทำเป็นสูตรที่ทานง่าย อร่อย และสารอาหารตอบโจทย์ผู้บริโภคแบบเฉพาะเจาะจง ครบทุกความต้องการ

CLP10.jpg

ข้าวแต่ละสูตรเกิดจากการคุยกันว่า ตอนนี้เกิดปัญหาสุขภาพอะไรบ้าง? ผู้บริโภคต้องการสารอาหารอะไรบ้าง? ซึ่งข้าวแต่ละสายพันธุ์นั้นมีสารอาหารโดดเด่นแตกต่างกันออกไป เลยคิดว่าน่าจะทำการ ‘เบลนด์ข้าว’ เพราะเราอยากทำให้ข้าวเป็นเรื่องสนุกมากกว่าแค่ทานข้าวขาว จึงนำเสนอเป็นสเปเชียลเบลนด์ออกมาทั้งหมด 5 แบบ

หมอโอ๊ค : เบลนด์ที่มีเสียงตอบรับดีมากคือ ‘ข้าวสูตรควบคุมน้ำตาล’ เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน โดยเน้นสายพันธุ์ข้าวที่ปล่อยระดับน้ำตาลออกมาน้อย ซึ่งเป็นการตีโจทย์กันหลายด้าน ไม่ใช่มุ่งเน้นแค่สารอาหารอย่างเดียว แต่ต้องสอดรับกับไลฟ์สไตล์ด้วย เพราะตัวข้าวสูตรควบคุมน้ำตาลมุ่งเป้าไปยังผู้สูงอายุ เพราะผู้ป่วยเบาหวานหลายท่านเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ จึงปรับสูตรข้าวให้นุ่มทานง่าย และรสสัมผัสยังคงใกล้เคียงกับข้าวขาวอยู่

น้ำมนต์ : ส่วน ‘ข้าวสูตรบำรุงผิวและความงาม’ ให้สารแอนติอ็อกซิเดนซ์ (Antioxidant) สูง ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ปรับฮอร์โมนผู้หญิง ‘ข้าวหอมสูตร 5 สายพันธุ์’ เป็นการรวมตัวกันของข้าว 5 สายพันธุ์ ทำให้สารอาหารครบถ้วน เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นทานข้าวกล้อง หรือข้าวสี เพราะเป็นเบลนด์ที่มีข้าวหอมมะลิด้วย ทำให้ทานง่าย พร้อมกับเปิดโอกาสให้ได้ทดลองรสสัมผัสของข้าวทั้ง 5 สายพันธุ์

CLP9.jpg

หมอโอ๊ค : ยังมีเบลนด์สำหรับเด็ก ‘ข้าวสูตรเด็กเล็กเพื่อพัฒนาการ’ ซึ่งทดลองกับตัวเอง (หัวเราะ) เพราะลูกๆ ทานอยู่ เน้นสารอาหารจำพวกวิตามินบี โอริซานอล และไขมันชนิดดี คือจริงๆ ข้าวมีไขมันดีอยู่ด้วย ซึ่งจำเป็นกับการเจริญเติบโต แล้วรสชาติก็ทานง่าย กลิ่นหอม และตัวสุดท้ายเป็น ‘ข้าวสูตรควบคุมน้ำหนัก’ ลักษณะเป็นข้าวกากใยสูงมาก โดยนำข้าว 2 สายพันธุ์ ทั้งแบบละลายน้ำ และไม่ละลายน้ำมาเบลนด์เข้าด้วยกัน ช่วยเรื่องการขับถ่าย ขณะที่การให้น้ำตาลจากข้าวก็ต่ำ ทานแล้วรู้สึกอิ่มนาน อิ่มทน ถ้าทานเป็นประจำร่วมกับไลฟ์สไตล์ที่ดีขึ้นก็สามารถช่วยควบคุมน้ำหนักได้จริงๆ

CLP8.jpg


“เหตุผลหลักของการเบลนด์ข้าวเองด้วย เพราะต้องการส่งเสริมกลุ่มเกษตรกร โดยรับข้าวตรงจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนศาลานา พวกเขาสร้างมาตรฐานการปลูกข้าวแบบอินทรีย์ ทำการตรวจเช็คแล้ว และรับซื้อผลผลิตด้วยราคาเป็นกลาง”


สังคมไทยปัจจุบัน กำลังเกิดมายาคติเกี่ยวกับ ‘การงดข้าวลดน้ำหนัก’ อยู่อย่างกว้างขวาง หมอโอ๊คคิดเห็นอย่างไรกับประเด็นนี้?

หมอโอ๊ค : ถือเป็นประเด็นน่าสนใจ แล้วก็อยากจะพูดถึงด้วย เรื่องสุขภาพมันจะมีเทรนด์การควบคุมน้ำหนัก หรือลดน้ำหนักอยู่เสมอ ในช่วง 2-3 ปีมานี้ จะเห็นเทรนด์การจำกัดคาร์โบไฮเดรต โดยลักษณะโปรแกรมดังกล่าว ส่วนมากผมจะให้คนไข้ทำแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่สุดท้ายแล้วโปรแกรมที่ยั่งยืนจริงๆ คือบาลานซ์ไดเอ็ต ควรจะกินอาหารให้ครบหมู่ แต่เลือกชนิดด้วย

CLP7.jpg

คาร์โบไฮเดรตไม่ใช่ผู้ร้ายหากเลือกอย่างถูกต้อง แถมยังเป็นพระเอกอีกด้วยหากเลือกชนิดที่ดี โดยเฉพาะคาร์โบไฮเดรตที่มีกากใยสูง สารอาหารครบถ้วน เช่น ข้าวสดใหม่ ที่ยังอุดมด้วยวิตามิน หรือแร่ธาตุจากข้าว ที่อย่างอื่นให้ไม่ได้ ดังนั้น ให้เพิ่มความละเอียดในการเลือกรับประทานคาร์โบไฮเดรตคงเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ที่สุด

“คาร์โบไฮเดรตไม่ใช่ผู้ร้ายหากเลือกอย่างถูกต้อง แถมยังเป็นพระเอกอีกด้วยหากเลือกชนิดที่ดี”

ในฐานะผู้พัฒนาเครื่องขัดข้าว คงแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า ทั้ง 2 คงทดลองใช้ไมโกะพลัสในชีวิตประจำวันกันมาแล้ว ดังนั้น ช่วยแชร์ประสบการณ์ หรือความเปลี่ยนแปลงจากการหันมาขัดข้าวทานเองในบ้านให้ฟังหน่อยได้ไหม?

น้ำมนต์ : บ้านของมนต์เป็นครอบครัวใหญ่ คุณพ่อ คุณแม่ พี่ชาย และหลาน อยู่ด้วยกับครบทุกเจเนอเรชัน แต่คุณแม่เป็นคนไม่ชอบทานข้าวกล้องเลย คือจะทานข้าวขาวอย่างเดียว

หมอโอ๊ค : ก็เป็นปัญหายอดฮิตของผู้ใหญ่

CLP3.jpg

น้ำมนต์ : (พยักหน้า) คุณแม่จะแบบว่า ถ้าข้าวไม่นิ่ม ไม่หอม ไม่ทานเลย แต่พอท่านอายุเยอะต้องควบคุมน้ำตาล ก็อยากจะให้ได้ทานข้าวดีๆ และพอมีไมโกะพลัสก็สามารถทำให้คุณแม่เปิดใจทานข้าวที่มีกากใยมากขึ้น ตอนแรกคุณแม่เริ่มจากขัดข้าว 70 เปอร์เซ็นต์ (เบอร์ 7) ซึ่งรสชาติใกล้เคียงข้าวขาวมาก คุณแม่แฮปปี้ โอเค หลังๆ เริ่มเปลี่ยนมาเป็นเบอร์ 5 บางมื้อใช้เบอร์ 3 ส่วนเด็กๆ จะให้ทานสูตรเด็ก ซึ่งเขาสามารถจะทานข้าวที่กากใยมากขึ้น หรือเป็นซ้อมมือได้

ปกติแล้วหากซื้อข้าวทั่วไปจะเป็นข้าวกล้องเลย ก็จะแข็งเกินไปสำหรับเด็กๆ ไมโกะพลัสเหมือนทำให้การทานข้าวของครอบครัวสนุกขึ้น ในบ้านจะมีกล่องเก็บข้าวในตู้เย็น เพราะข้าวที่ขัดแล้ว หรือข้าวกล้องต้องแช่ตู้เย็นไว้ เพื่อคงความสดใหม่ แล้วถึงเวลาแต่ละคนจะกินยังไงก็ค่อยขัด แล้วก็เก็บไว้ในตู้เย็น ถึงเวลาเอามาหุงทีละหม้อ

หมอโอ๊ค : สำหรับบ้านผม คุณโอปอล์ (ภรรยา) สนใจเรื่องการดูแลสุขภาพเสมออยู่แล้ว แต่ก็เหมือนกับคุณผู้หญิงทุกท่านที่พอมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาจะไม่ค่อยคุ้นชินแล้วรู้สึกว่า ใช้งานยากหรือเปล่า? เกะกะหรือเปล่า? ทำความสะอาดยากหรือเปล่า? แต่พอได้เห็นไมโกะพลัสตัวจริงก็ทราบว่า ใช้งานง่ายมาก และใช้เวลาสั้นมากจริงๆ กดแค่ปุ่มเดียว น้องอลิน-อลัน (ลูก) ยังขัดข้าวเองเลย (หัวเราะ) ง่ายมาก เด็กสามขวบยังทำได้ ใช้เวลาสั้น 2-3นาทีเรียบร้อยแล้ว เสียงก็ไม่ดังเลย ฝุ่นก็ไม่มีเลย

CLP6.jpg

น้ำมนต์ : แล้วที่บ้านทานข้าวเยอะขึ้นด้วย (หัวเราะ) อย่างแรกเลยคือ รสชาติอร่อย ทำให้สามารถทานข้าวดีๆ ได้เยอะขึ้น เพราะเป็นข้าวกล้อง ข้าวไฟเบอร์สูง เริ่มขัดข้าวทางเองในบ้านมาตั้งแต่เริ่มโปรเจกต์หนึ่งปีกว่าๆ แล้วล่าสุดคุณแม่กับคุณพ่อไปตรวจสุขภาพมาก็พบว่า ค่าน้ำตาลอยู่คงที่ ไม่ได้เปลี่ยน ทั้งๆ ที่ทานข้าวเยอะ คือมันเห็นผล

หมอโอ๊ค : เด็กๆ บ้านผมก็ทานข้าวกล้องได้มากขึ้น แต่ก่อนพวกเขายังเล็กทานแต่ข้าวหอมมะลิ หลังๆ พอเริ่มโตขึ้น ก็เข้าใจเรื่องการขัดข้าวแล้วก็เข้าใจเรื่องการกินข้าวหลากหลายสายพันธุ์ที่มีประโยชน์มากขึ้น และสนุกกับการทานข้าวมากขึ้น ที่สำคัญสุดคือ ด้วยความที่เขาเห็นกระบวนการว่า ข้าวกล้องมาแบบนี้ แล้วเอามาขัดที่บ้าน ได้ทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัว รู้สึกว่าลูกๆ เห็นคุณค่าของข้าวมากขึ้น เห็นคุณค่าของผลิตภัณฑ์การเกษตรและอาหารมากขึ้น มันฝังไปในตัวพวกเขา พวกเขาเข้าใจว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งในการประกอบอาหาร และทำให้อาหารไม่ใช่แค่อาหารเท่านั้น แต่เหมือนเข้าใจว่าข้าวเป็นสิ่งมีชีวิต และมีคุณค่า พวกเขาจะเรียนรู้เรื่องคุณค่าทางอาหาร และเรื่องคุณค่าของสารอาหารมากขึ้น


สเต็ปถัดไปของซีแอลพี ลีฟวิ่ง จะมีอะไรใหม่ๆ มานำเสนออีกไหม?

น้ำมนต์ : เร็วๆ นี้จะเปิด ‘ไรซ์ บาร์’ (Rice Bar) คอนเซปต์ตรงตัวเลยคือ ‘บาร์ข้าว’ ที่ทุกคนสามารถเข้าไปสั่งซื้อได้ว่า อยากทานข้าวสูตรไหน? สายพันธุ์อะไร? ขัดเบอร์อะไร? แล้วก็รับรำข้าวสดใหม่กลับบ้านด้วย ซึ่งจะตอบโจทย์ความสะดวกสบาย สำหรับคนไม่มีเวลา หรืออยู่คนเดียว แต่อยากทานข้าวสดใหม่ ตอนนี้เริ่มต้นกับทาง เดอะมอลล์ กูเมต์มาร์เก็ต และร้านอาหารบางแห่ง

หมอโอ๊ค : ยังคุยกับมนต์ว่า สิ่งสำคัญสุดของธุรกิจนี้คือ จุดเริ่มต้นของลูกค้าของเรา และผู้บริโภคของเรา ว่าเขาจะรับรู้ได้ยังไง ประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญที่สุด มันคงจะยากถ้าอยู่ดีจะเลือกผ่านหลักวิชาการอย่างเดียว เราอยากมอบประสบการณ์ง่ายๆ ผ่านไรซ์ บาร์ ให้ทุกคนเห็นเลยว่า ข้าวขัดยังไง ให้ได้ลองสัมผัส ลองจับ ลองชิม แล้วเชื่อเลยว่าทุกคนจะไม่ผิดหวัง


สุดท้ายในฐานะผู้ผลิตนวัตกรรม และจำหน่ายข้าว ทั้งคู่คาดหวังเรื่องการสร้างการรับรู้ใหม่ๆ เกี่ยวกับ ‘ข้าว’ ในสังคมไทยอย่างไร?

น้ำมนต์ : เป้าหมายใหญ่คือ การสร้างไลฟ์สไตล์ สร้างคุณค่า และวัฒนธรรมใหม่ๆ เกี่ยวกับข้าว ประเทศไทยเป็นประเทศที่ผลิตข้าวเป็นหลัก แต่เรื่องวัฒนธรรมข้าวกลับสู้วัฒนธรรมกาแฟไม่ได้ ทำไมวงการกาแฟในประเทศไทยถึงไปได้ไกลมาก มีคาเฟ่อยู่ทุกที่ แต่ทำไมในเรื่องข้าวมันไม่เป็นเรื่องสนุก และเป็นวัฒนธรรมได้ เราเลยคาดหวังว่า แบรนด์จะเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถสร้างวัฒนธรรมข้าวในประเทศไทยให้เปิดกว้างมากยิ่งขึ้น ต้องทำให้ข้าวกลับมามีคุณค่าในตัวเอง ไม่ต่างจากกาแฟ เนื้อ หรือไวน์

“เป้าหมายใหญ่ คือการสร้างไลฟ์สไตล์ สร้างคุณค่า และวัฒนธรรมใหม่ๆ เกี่ยวกับข้าว ทำให้ข้าวกลับมามีคุณค่าในตัวเอง ไม่ต่างจากกาแฟ เนื้อ หรือไวน์”
CLP4.jpg

หมอโอ๊ค : ผมรู้สึกว่ามันน่าเจ็บปวดใจนะเมื่อหลายคนมักพูดว่า สินค้าเกษตรเป็นสินค้าไม่มีราคา ผมก็รับรู้แบบนี้มาตั้งแต่เด็กว่า ประเทศไทยเป็นประเทศผลิตสินค้าเกษตรที่ต้องใช้จำนวนมากๆ กว่าจะได้ราคามาส่วนหนึ่ง แล้วก็ถึงแม้ประเทศไทยจะผลิตข้าวมาจำนวนเยอะ แต่การสำรวจข้อมูลพบว่า 70-80 เปอร์เซ็นต์ เป็นข้าวเกรดทั่วไป เลยรู้สึกว่าเมื่อมีพัฒนาการทางการแพทย์ มีความรู้ องค์ความรู้ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย มีการปรับเปลี่ยนเรื่องของอาหารที่ดีขึ้น และคนไทยเราเก่งมีความสามารถในการปลูกข้าวได้หลากหลายมากมาย ล้วนแล้วแต่เป็นสายพันธุ์น่าสนใจ ก็เลยอยากนำเสนอผ่านไลฟ์สไตล์ที่น่าสนใจ และก็น่าดีใจที่ได้เริ่มต้นเปิดตัวผลิตพันธุ์ของเราออกมา ก็เริ่มมีชาวต่างชาติให้ความสนใจเยอะมาก

น้ำมนต์ : เพราะมันเป็นการสร้างความแตกต่าง และสร้างคุณค่าให้กับข้าว ความแตกต่างจริงๆ อยู่ตรงคุณค่าที่สร้างมาด้วยวัฒนธรรม



สอบถามข้อมูลพิ่มเติมได้ที่ โทร : 02-157-9494 , Facebook : CLP living , LINE : @CLP_living , Instagram : CLP living , เว็บไซต์ : CLP living 

On Being
198Article
0Video
0Blog