ไม่พบผลการค้นหา
แบรนด์กีฬาและอุปกรณ์เดินป่าร่วมแคมเปญ ‘ยุติความเกลียดชังเพื่อผลกำไร’ ด้วยการร่วมกันแบนการซื้อโฆษณาบนเฟซบุ๊กชั่วคราว เพื่อให้เฟซบุ๊กจัดการกับ ‘เฮทสปีช’ บนเฟซบุ๊ก

หลายแบรนด์สินค้าเกี่ยวกับกีฬาและการเดินป่าอย่าง The North Face, REI และ Patagonia ประกาศว่าจะหยุดลงโฆษณาบนเฟซบุ๊กชั่วคราวในเดือนก.ค.นี้ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ “ยุติความเกลียดชังเพื่อผลกำไร” ของกลุ่มนักเคลื่อนไหวต่อต้านการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติและศาสนา 

แคมเปญนี้เกิดขึ้นเพราะหลายคนมองว่า เฟซบุ๊กไม่สามารถจัดการกับเฮทสปีช หรือวาทกรรมสร้างความเกลียดชัง จึงต้องการให้บริษัทต่างๆ ร่วมกันกดดันเฟซบุ๊ก แคมเปญนี้ระบุว่า เฟซบุ๊กมีรายได้จากการโฆษณามากถึงปีละ 70,000 ล้านดอลลาร์ (2.16 ล้านดอลลาร์) ต่อปี ขณะที่ “ขยายคำพูดของพวกชาตินิยมผิวขาว” และ “อนุญาตให้มีการยั่วยุในเกิดความรุนแรง”

โจนาธาน กรีนแบตต์ ซีอีโอของสันนิบาตต่อต้านการหมิ่นประมาทออกแถลงการณ์ว่า พวกเขาเห็นมานานแล้วว่า เฟซบุ๊กอนุญาตให้บางส่วนที่แย่ที่สุดของสังคมเข้ามาอยู่ในบ้านและชีวิตของคน องค์กรของพวกเขาจึงพยายามผลักดัรให้เฟซบุ๊กแก้ไขให้แพลตฟอร์มนี้ปลอดภัยขึ้น แต่เฟซบุ๊กก็ล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำอีกในการออกมาตรการที่มีความหมาย พวกเขาจึงหวังว่าแคมเปญนี้แสดงให้เฟบซบุ๊กเห็นว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กและผู้ซื้อโฆษณาของเฟซบุ๊กต้องการให้เฟซบุ๊กเปลี่ยนไปสู่สิ่งที่ดีกว่าอย่างจริงจัง

ด้านเจมส์ สเตเยอร์ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของคอมมอนเซนส์ ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ของแคมเปญนี้คาดว่าจะมีบริษัทเข้าร่วมแคมเปญนี้มากขึ้นในในก.ค.นี้ เพราะหลายบริษัทตระหนักเกี่ยวกับประเด็นความยุติธรรมทางเชื้อชาติในสหรัฐฯ อย่างมาก

แคมเปญนี้อ้างอิงหลายกรณีที่เฟซบุ๊กไม่ตัดสินว่าเป็นการให้ข้อมูลผิดๆ และคำพูดสร้างความเกลียดชัง อีกทั้งยังระบุว่า สำนักข่าวเบรทบาร์ทนิวส์เป็น “สำนักข่าวข่าวน่าเชื่อถือ” จะมีประวัติว่าร่วมกับกลุ่มชาตินิยมผิวขาวและนีโอนาซี และเฟซบุ๊กยังปล่อยให้มีชุมชนเลือกปฏิบัติต่อคนผิวสี และไม่ยอมลบโพสต์คนที่ปฏิเสธว่าไม่เคยมีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในค่ายกักกันฮอโลคอสต์

จากการสำรวจของ ADL ยังพบว่า ชาวอเมริกันที่ตอบแบบสอบถามถึงร้อยละ 55 เคยประสบกับการถูกเกลียดชังและคุกคาม

เฟซบุ๊กถูกกดดันอย่างหนักให้จัดการปัญหาวาทกรรมสร้างความเกลียดชังและการให้ข้อมูลผิด หลังจากที่โซเชียลมีเดียอื่ยอย่างทวิตเตอร์ได้ใช้วิธีการแปะป้ายให้คนรู้ว่า สิ่งที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธบดีสหรัฐฯ เป็นความเท็จหรือมีข้อความยั่วยุ แต่มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กปฏิเสธที่จะระบุว่าโพสต์ของทรัมป์มีข้อมูลเท็จ

ทั้งนี้ แคโรลิน เอเวอร์สัน รองประธานกลุ่มธุรกิจโลกของเฟซบุ๊กเขียนในแถลงการณ์ว่า พวกเขาเคารพการตัดสินใจของทุกแบรนด์อย่างมาก และจะยังคงมุ่งหน้าไปที่การลบเฮทสปีชและให้ข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับการเลือกตั้ง

ที่มา : The Guardian, BBC