ไม่พบผลการค้นหา
ศาลตุรกีตัดสินถอดวิหารอาเยียโซเฟียออกจากการเป็นพิพิธภัณฑ์ ซึ่งจะเปิดทางให้เปลี่ยนวิหารดังกล่าวกลับไปเป็นมัสยิดเช่นเดิม ท่ามกลางเสียวิจารณ์ของนานาชาติ

ศาลตุรกีถอดสถานะพิพิธภัณฑ์ของวิหารอาเยียโซเฟีย วิหารที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยไบแซนไทน์ โดยระบุว่า คำสั่งเปลี่ยนวิหารอาเยียโซเฟียเป็นพิพิธภัณฑ์เมื่อปี 2477 ไม่ถูกต้องตามกฎหมายซึ่งเปิดทางให้เปลี่ยนวิหารอาเยียโซเฟียกลับไปเป็นมัสยิดให้ชาวมุสลิมเข้าไปละหมาดได้อีกครั้ง จากที่วิหารได้กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ในช่วง 80 กว่าปีที่ผ่านมา

ด้านเรเจป ทายยิป เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกีก็ลงนามรับรองคำสั่งดังกล่าวทันที และโยกย้ายวิหารอาเยียโซเฟียให้อยู่ภายใต้การดูแลของคณะกรรมการกิจการศาสนา ซึ่งเป็นหน่วยศาสนาแบบแสวงหากำไร และพยายามส่งออกอิหม่ามไปยังประเทศต่างๆ

อย่างไรก็ตาม เออร์โดกันขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปละหมาดที่วิหารอาเยียโซเฟียในนครอิสตันบูล ก่อนที่วิหารจะเปิดใหม่อีกครั้งในฐานะมัสยิดในวันที่ 24 ก.ค.นี้ และอาจต้องใช้เวลาถึง 6 เดือนในการเตรียมการเพื่อให้วิหารเหมาะสมกำหรับการเป็นมัสยิด 

นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้ “ผู้สังเกตการณ์” เคารพการตัดสินของศาลในครั้งนี้ด้วย พร้อมย้ำว่า วิหารนี้จะยังเปิดรับคนจากทุกชาติ ศาสนาและความเชื่อ แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดใดๆ เพิ่มเติม แต่สื่อท้องถิ่นรายงานว่ามีการนำผ้าม่านมาบังสัญลักษณ์ของศาสนาคริสต์

วิหารอาเยียโซเฟียถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 6 สมัยไบแซนไทน์และถูกใช้เป็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์นิการออร์โธด็อกซ์ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นมัสยิด หลังจักรวรรดิไบแซนไทน์ล่มสลายและเปลี่ยนมาเป็นจักรวรรดิออตโตมัน แต่สัญลักษณ์ของศาสนาคริสต์ก็ยังถูกเก็บรักษาอย่างดี เช่น โมเสคภาพพระแม่มารี ต่อมาในปี 2477 เคมาล อะตาเติร์ก ผู้ก่อตั้งประเทศตุรกีสมัยใหม่พยายามเปลี่ยนให้ตุรกีเป็นรัฐฆราวาส และให้วิหารอาเยียโซเฟียเป็นพิพิธภัณฑ์ และวิหารนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก

คำตัดสินของศาลตุรกีเป็นไปในทิศทางเดียวกับเออร์โดกันที่เคยประกาศว่าจะเปลี่ยนให้วิหารแห่งนี้เป็นมัสยิด แม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติก็ตาม โดยสหรัฐฯ และผู้นำศาสนาคริสต์นิกายออร์โธด็อกซ์คัดค้านคำตัดสินดังกล่าว


ที่มา : Deutsche Welle, BBC