ไม่พบผลการค้นหา
สภาพัฒน์ เผยมีหน่วยงานเสนอโครงการขอใช้เงินกู้ก้อน 4 แสนล้านรวมแล้วกว่า 2.8 หมื่นโครงการ ทะลุเกือบ 6 แสนล้าน พบ สสว. ขอใช้มากสุด 5 หมื่นล้าน ช่วยเหลือเอสเอ็มอี เปิดเว็บไซต์ระดมความเห็นจากภาคประชาชนร่วมตัดสินโครงการรอบแรกถึง 15 มิ.ย.นี้

นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ เปิดเผยว่า แผนการใช้เงินกู้ตาม พ.ร.ก. ในส่วนของแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 400,000 ล้านบาท ข้อมูล ณ วันที่ 5 มิ.ย. 2563 พบว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการเสนอโครงการขอให้เงินกู้ดังกล่าวแล้วกว่า 28,000 โครงการ รวมวงเงินเบื้องต้นมากกว่า 590,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ

  • กลุ่มที่ 1 พลิกฟื้นเศรษฐกิจ มีการเสนอ 91 โครงการ วงเงินรวม 220,000 ล้านบาท ซึ่งโครงการที่เสนอโดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) มีการขอใช้วงเงินมากที่สุด 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี
  • กลุ่มที่ 2 เศรษฐกิจฐานรากที่ส่วนใหญ่เสนอผ่านระดับจังหวัด ขณะนี้มีการเสนอโครงการเข้ามาแล้ว 55 จังหวัด รวม 28,331 โครงการ วงเงินรวม 372,532 ล้านบาท เฉลี่ยขอใช้เงิน 10-20 ล้านบาทต่อโครงการ
  • กลุ่มที่ 3 กระตุ้นการบริโภคขณะนี้ยังไม่มีการเสนอเข้ามาซึ่งอยู่ระหว่างการหารือมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว
  • กลุ่มที่ 4 โครงสร้างพื้นฐานมีการเสนอเข้ามาแล้ว 3 โครงการ

อย่างไรก็ตาม นายทศพร ระบุว่า โครงการทั้งหมดที่เสนอเข้ามายังไม่ได้มีการสรุปว่าจะให้ดำเนินการหรือไม่ ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1-15 มิ.ย.นี้ จะนำโครงการทั้งหมดเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ Thaime เพื่อรับฟังความเห็นจากประชาสังคมก่อนนำเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติรอบแรก วันที่ 2 หรือ 7 ก.ค.นี้เพื่อให้สามารถนำเงินลงระบบได้ตามเป้าหมาย

ส่วนโครงการที่ยังไม่สามารถส่งเข้ามาในรอบแรกก็จะมีการเปิดให้ส่งในรอบสองภายในวันที่ 9 ก.ค.นี้ อย่างไรก็ตามแม้จะยังไม่สามารถสรุปโครงการได้ว่ากลุ่มใดจะถูกเสนอก่อน แต่ยอมรับว่า โครงการในกลุ่มที่ 2 เช่น เกษตรทฤษฎีใหม่ รวมถึงการท่องเที่ยวชุมชนมีความเป็นไปได้มากที่สุดในขณะนี้

ทั้งนี้ ยืนยันว่า จะดำเนินการคัดเลือกโครงการทั้งหมดให้อยู่ในกรอบ 4 แสนล้านบาท ส่วนจะมีการขยายให้มีการใช้เกินเงินกู้ หรือจะต้องมีการกู้เงินเพิ่มเติมหรือไม่นั้น นายทศพร ระบุว่า เป็นเรื่องของนโยบาย

ส่วนประเด็นที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะมีการใช้เงินกู้แบบไม่โปร่งใส และเอื้อประโยชน์ให้กับนักการเมือง นายทศพร ระบุว่า ไม่เคยได้ยินในประเด็นนี้และคงเป็นไปได้ยาก เนื่องจากฐานข้อมูลทั้งหมดอยู่ในระบบสารสนเทศของสภาพัฒน์ และมีการกระจายการเงินกู้ให้มีความเหมาะสมไม่ให้กระจุกตัวแต่ละพื้นที่

นอกจากนี้ยังมีขั้นตอนการตรวจสอบแต่ละโครงการถึง 3 ระดับ ตั้งแต่ขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูลโครงการในเบื้องต้น ก่อนเสนอคณะอนุกรรมการกลั่นกรอง และคณะกรรมการกลั่นกรองที่มีผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอกร่วมตรวจสอบ ก่อนเสนอให้ ครม.พิจารณาอนุมัติ

นอกจากนี้นอกจากนี้ยังมีบุคคลที่สามที่ได้มีการเสนอตัวเข้ามาตรวจสอบ หนึ่งในนั้นคือสหประชาชาติ (UN) เข้าร่วมตรวจสอบการใช้เงินกู้ด้วย