ไม่พบผลการค้นหา
ดีอีเอส เผยเตรียมเพิ่มฟังก์ชันเช็กอินแบบกลุ่มได้พร้อมกันครั้งละ 4 คนในแพลตฟอร์มไทยชนะ ขณะพบว่ากิจการที่มีการใช้งานสูงสุดคือร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต ห้างสรรพสินค้า

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) มีนโยบายผลักดัน การจัดทำ "ไทยชนะ" เพื่อเป็นเครื่องมือป้องกันและลดความเสี่ยงแพร่กระจายโรค รองรับมาตรการผ่อนคลายกิจการ/กิจกรรมในด้านต่างๆ ที่รัฐบาลเตรียมทยอยประกาศออกมา เพื่อให้ประเทศไทยยังรักษาระดับความแข็งแกร่งของมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ควบคู่กับการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 ขณะเดียวกัน ได้กำชับเรื่องนโยบายด้านรักษาความเป็นส่วนตัวและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด ซึ่งเป็นสิ่งที่แพลตฟอร์ม/แอปพลิเคชันไทยชนะให้ความสำคัญมาโดยตลอด

นพ.พลวรรธน์ วิทูรกลชิต ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานะรองหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการด้านข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และสื่อสังคมออนไลน์ ศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 (ศบค.) กล่าวว่า จากข้อมูลการใช้งานครบ 1 เดือนของการเปิดตัวไทยชนะ พบว่ามีกิจการ 5 อันดับแรก ที่มียอดผู้เข้าใช้งานสูงสุด ได้แก่ 1.ร้านอาหาร เครื่องดื่ม ภัตตาคาร ร้านอาหาร 2.ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าปลีก-ส่ง 3.ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ 4.ที่ทำการหน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจ และ 5.การให้บริการ (รวมถึงบริการนวดและสปา) ตามลำดับ

ขณะที่ ในกลุ่มของตลาดนัด ตลาดค้าส่ง หาบเร่ แผงลอย และรถเข็น ได้ผลประเมินการจัดการตามมาตรการ 5 ข้อและการใช้แพลตฟอร์ม/แอปพลิเคชันไทยชนะ น้อยกว่ากิจกรรมอื่นๆ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ กลุ่มห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร มีแนวโน้มว่าการจัดการตามมาตรการ 5 ข้อ ได้น้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งอาจจะไม่เป็นผลดีต่อประชาชนที่เข้าใช้บริการในสถานที่ดังกล่าว ในกรณีที่มีอาจมีการเกิดการระบาดรอบสอง (Second Wave) จึงอยากขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการ ในการเคร่งครัดการจัดการตามมาตรการดังกล่าวด้วย

ขณะที่ภาพรวมจากผลการประเมินมาตรการของกรมควบคุมโรค พบว่ายังมีข้อที่น่ากังวล คือ การทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัส และการรักษาระยะห่าง ซึ่งยังทำไม่ค่อยได้เท่ากับการสวมหน้ากากอนามัย และจุดบริการล้างมือ/แอลกอฮอล์

เพิ่มฟังก์ชันเช็กอินแบบกลุ่ม รองรับผู้ใช้บริการ

นพ.พลวรรธน์ กล่าวว่า ล่าสุดได้เพิ่มฟังก์ชันการเช็กอินแบบกลุ่ม (Group Check-in) ในไทยชนะ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานรองรับการเช็กอินพร้อมกันได้ 4 คน โดยในส่วนของแอปไทยชนะ ทั้งบนแอนดรอยด์ และ iOS จะสามารถใช้ฟังก์ชันใหม่ได้ในเร็วๆ นี้ โดยจะสามารถเช็กเอาท์แบบกลุ่มได้เช่นกัน อีกทั้ง เตรียมเพิ่มฟังก์ชันการใช้งานอื่นๆ เพื่อรองรับมาตรการผ่อนคลายอื่นๆ ของรัฐบาล ได้แก่ การจองท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติ ที่จะทยอยเริ่มกลับมาเปิดหลังโควิด-19 ซึ่งจะมีการจำกัดนักท่องเที่ยว โดยไทยชนะ จะเป็นเครื่องมือช่วยคัดกรองและติดตามการเข้าพื้นที่ของนักท่องเที่ยวด้วย รองรับนโยบายการท่องเที่ยวแบบ new normal ที่ต้องมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชัน Serial Number โดยผู้ประกอบการสามารถนำไปจัดทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ร่วมกับมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวของรัฐบาล ซึ่งสายการบิน โรงแรม ร้านค้าต่างๆ ที่อยู่ในระบบไทยชนะและปฏิบัติได้ตามมาตรการของ ศบค. กำหนด อาจได้รับตราสัญลักษณะ (โลโก้) ยืนยัน เป็นต้น

"ขอเน้นย้ำข้อควรรู้และแนวปฏิบัติ ในการเก็บข้อมูลผู้ใช้บริการของร้านค้าโดยใช้สมุดจด ดังนี้ 1.ข้อมูลนี้ใช้เพื่อการสอบสวนโรค กรณีผู้ใช้บริการบางคนป่วยโรคโควิด-19 ขึ้นในภายหลัง 2.ห้ามนำไปใช้เพื่อการอย่างอื่นโดยเด็ดขาด 3.ร้านค้าจัดเก็บในที่ปลอดภัย โดยสามารถสืบค้นย้อนหลังได้ 60 วัน และ 4.เมื่อครบกำหนดให้ร้านค้าทำลายสมุดจดดังกล่าว" นพ.พลวรรธน์กล่าว



ข่าวที่เกี่ยวข้อง :