ไม่พบผลการค้นหา
"สุทิน คลังแสง" ระบุ "งูเห่า" ฝ่ายค้าน อาจลอกคราบเป็น "คะแนนเสียงจรจัด" โหวต พ.ร.ก.กู้เงิน ยืนยันต้องมี กมธ.ตรวจสอบการใช้เงินของฝ่ายนิติบัญญัติ จี้รายงานการใช้เงินต่อสภาฯ ทุก 3 เดือน ไม่ใช่เพียงปีละหน

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทยและประธานคณะกรรมการประสานงาน พรรคร่วมหรือวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า การลงมติ พ.ร.ก. กู้เงินทั้ง 3 ฉบับน่าจะเสร็จราวบ่ายวันนี้ (31 พ.ค.) โดยตนจะเป็นผู้สรุปทั้งกลุ่มก้อนความคิดและข้อเสนอของฝ่ายค้านปิดท้าย ก่อนจะลงมติและอภิปราย พ.ร.บ.การประชุมสภาทางออนไลน์ต่อ จึงอยากฝากให้นายกรัฐมนตรี, คณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทยและสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เข้าฟังการประชุมด้วยเพราะการชี้แจงตลอด 4-5 วันที่ผ่านมีหลายอย่างที่เห็นไม่ตรงกัน ซึ่งต้องมีการปรับอีกหลายอย่างสำหรับผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้อง

ขณะเดียวกัน นายสุทิน ยังกล่าวถึงการลงมติของพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า จะรอดูท่าทีของผู้เกี่ยวข้องต่อข้อเสนอของฝ่ายค้านก่อน โดยเฉพาะการตั้งกรรมาธิการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินจากการกู้เงิน ซึ่งเชื่อว่าระบบปกติตามที่นายกรัฐมนตรีระบุนั้น ไม่เพียงพอที่จะตรวจสอบการใช้เงินในโครงการขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายทางการเมืองเช่นนี้ และท่าทีรัฐบาลต่อการรายงานต่อสภา ฯจากปีละครั้งเป็น 3 เดือนต่อครั้ง โดยพรรคร่วมฝ่ายค้านจะประชุมอีกครั้งก่อนลงมติ หากรัฐบาลเห็นด้วยก็พร้อมยกมือให้ ซึ่งจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เว้นแต่พรรคฝ่ายค้านได้มีข้อมูลพิเศษจริงๆ ที่ทำความเข้าใจในพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ ก็ให้โอกาส แต่คิดว่าไม่น่าจะถึงขั้นต้องเห็นต่างกันมากมาย 

เมื่อถามถึง โอกาสที่จะมีการแหกมติพรรคของ ส.ส. ฝ่ายค้านหรือเกิดกรณีงูเห่า นายสุทิน ระบุว่า วันนี้รู้สึกเงียบๆ กว่าทุกครั้ง ซึ่งงูเห่าอาจจะซุ่มก็ได้หรืออาจจะต้องเปลี่ยนชื่อเป็น "คะแนนเสียงจรจัด" คือเล่นไปเรื่อย อาจไม่ใช่งูเห่าในลักษณะเดิม ส่วนบทลงโทษ ส.ส.แหกมติทุกพรรคมีอยู่แล้ว และได้ดำเนินการลงโทษไปแล้วรวมถึงในส่วนพรรคเพื่อไทยด้วย ส่วนจะหนักเบาก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์

อนุสรณ์ สวน ธนกร ย้ำการตัดสินใจต้องรอบคอบ ยึดประโยชน์ประเทศชาติ

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ออกมาท้าคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ถ้าไม่เห็นด้วยกับพ.ร.ก. 3 ฉบับ ก็บอกลูกพรรคโหวตไม่เห็นด้วยได้เลยนั้น ว่า พรรคเพื่อไทย เห็นความจำเป็นที่ต้องใช้เงินเพื่อการฟื้นฟูและเยียวยาเศรษฐกิจ แต่ต้องใช้อย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพ โปร่งใส ตรวจสอบได้ ไร้การทุจริตจึงจะสามารถกู้เศรษฐกิจได้ ไม่ใช่ใช้เงินแบบไม่มีรายละเอียด ไร้ประสิทธิภาพ โกงกิน ตรวจสอบไม่ได้

พรรคเพื่อไทยเป็นสถาบันทางการเมืองที่มีส.ส.มากที่สุดในสภา การที่ส.ส.จะมีแนวทางการลงมติพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เกี่ยวกับการกู้เงินทั้ง 3 ฉบับ วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาทอย่างไรมีรูปแบบขั้นตอนที่เป็นประชาธิปไตย การเสนอให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบการใช้เงินกู้ 1.9 ล้านล้านบาท รวมทั้งข้อเสนอที่จะต้องรายงานรายละเอียดการใช้จ่ายในทุกๆ 3เดือน จะถูกนำมาประกอบแนวทางการโหวต มีกระบวนการพิจารณาด้วยความเป็นเอกภาพทั้งในส่วนของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งแนวทางการขอให้มีการตรวจสอบดังกล่าวแม้แต่พรรคร่วมรัฐบาลก็เห็นด้วยกับแนวทางนี้

"พรรคเพื่อไทย ไม่มีลักษณะการสั่งการด้วยคนเพียงคนเดียว ให้ส.ส.ทั้งพรรคซ้ายหันขวาหัน เหมือนพรรคทหารหรือพรรคที่มีลักษณะเผด็จการ การตัดสินใจใดๆต้องยึดประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ" นายอนุสรณ์ กล่าว

อ่านเพิ่่มเติม