ไม่พบผลการค้นหา
ศปถ.แถลงสรุปสถิติวันที่ 5 ของ 7 วันอันตราย เกิดอุบัติเหตุรวม 2,529 ครั้ง ตาย 256 ราย บาดเจ็บ 2,588 คน กรุงเทพฯ เสียชีวิตสะสมสูงสุด 12 ราย สั่งปรับแผนรองรับการเดินทางกลับ เข้มข้นจุดตรวจเส้นทางสายหลัก ดูแลความปลอดภัยตลอดเส้นทาง

นายวีระ แข็งกสิการ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563 เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2563 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 31 ธันวาคม 2562 ซึ่งเป็นวันที่ 5 ของการรณรงค์ “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร” เกิดอุบัติเหตุ 542 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 42 ราย ผู้บาดเจ็บ 567 คน

ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 32.29 ขับรถเร็ว ร้อยละ 29.52 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 80.97 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง 63.10 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 37.82 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 35.42 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01 – 20.00 น. ร้อยละ 27.49 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป ร้อยละ 24.96 โดยได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,043 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 65,072 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 1,030,105 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 236,341 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 65,105 ราย ไม่มีใบขับขี่ 55,230 ราย โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (18 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ระนอง ยโสธร และสกลนคร (จังหวัดละ 3 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (21 คน) สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 5 วันของการรณรงค์ (27 - 31 ธ.ค.62) เกิดอุบัติเหตุรวม 2,529 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 256 ราย ผู้บาดเจ็บ รวม 2,588 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 11 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (76 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (12 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (77 คน)

นายวีระ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันหยุดสุดท้ายของเทศกาลปีใหม่ คาดว่าประชาชนส่วนใหญ่จะเริ่มเดินทางเข้าสู่กรุงเทพมหานครและภูมิลำเนา ทำให้เส้นทางสายหลักและเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างจังหวัดมีปริมาณรถหนาแน่น ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจึงได้ประสานพื้นที่ปรับแผนการตั้งจุดตรวจและจุดบริการประชาชนให้เหมาะสมกับสถานการณ์และสภาพพื้นที่ เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้เกิดความคล่องตัว โดยให้เพิ่มความถี่ในการเรียกตรวจเพื่อชะลอความเร็วรถและประเมินความพร้อมผู้ขับขี่ เน้นการเฝ้าระวัง ตักเตือน พูดคุย ซักถาม หากเห็นว่าผู้ขับขี่มีสภาพอ่อนล้าควรแนะนำให้หยุดพักให้ร่างกายพร้อมสำหรับเดินทาง เพื่อป้องกันการหลับใน

นอกจากนี้ ให้คุมเข้มความปลอดภัยของรถโดยสารสาธารณะและพนักงานขับรถ กวดขันการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือดและการใช้ยาเสพติดและวัตถุออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทของพนักงานขับรถก่อนออกปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงกำชับให้ปฏิบัติตามระเบียบ กฎหมายอย่างเคร่งครัด ตลอดจนจัดเตรียมรถโดยสารให้เพียงพอรองรับการเดินทางกลับของประชาชน ทั้งนี้ บางพื้นที่ยังคงมีการจัดงานรื่นเริง จึงขอให้นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ยังคงใช้กลไกด่านชุมชนและด่านครอบครัว เพื่อป้องปราม ตักเตือนผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนนอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :