ไม่พบผลการค้นหา
“มาดามเดียร์” ขอสื่อจัดดีเบตให้ประชัน "วิสัยทัศน์-นโยบายพรรค" มากกว่าถกเถียงประเด็น "การเมือง" ชี้เวทีดีเบตไม่ใช่ช่องทางเดียวให้ “ประยุทธ์” โชว์แนวคิด

น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี หรือ มาดามเดียร์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ระหว่างการลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ ว่า เป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสมาเวทีปราศรัยภาคอีสาน ซึ่งประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี และเนื้อหาการปราศรัยได้พูดถึงนโยบายต่างๆ ของพรรค อาทิ พัฒนาบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ พักหนี้กองทุนหมู่บ้านเป็นระยะเวลา 3 ปี รวมถึงการเพิ่มค่าเก็บเกี่ยวข้าวเป็นไร่ละ 2,000 บาท จำนวน 20 ไร่ 

นอกจากนี้ยังมีโครงการมารดาประชารัฐ ที่ขณะนี้พี่น้องประชาชนให้ความสนใจได้รับการตอบรับดีมาก ซึ่งนโยบายนี้พรรคพลังประชารัฐตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อดูแลเด็กตั้งแต่ในครรภ์ เพราะเห็นว่า เด็กคืออนาคตของชาติ ถ้ามาดูแลหลังโตก็จะไม่เพียงพอ โดยนโยบายนี้ประกอบด้วย 3 ส่วน เริ่มจากตั้งครรภ์รับเดือนละ 3,000 บาท 9 เดือน ให้เงินสนับสนุนในการคลอด 10,000 บาท และค่าเลี้ยงดูเด็กเดือนละ 2,000 บาท จนครบ 6 ปี 

น.ส.วทันยา ยังกล่าวถึงการเข้าร่วมเวทีดีเบตว่า อยากให้สื่อมวลชนจัดเวทีดีเบตให้พรรคการเมืองมาประชันวิสัยทัศน์และนโยบาย มากกว่าถกเถียงประเด็นทางการเมือง เพราะวันนี้ประเทศต้องการความสงบสุข และก้าวข้ามความขัดแย้ง ดังนั้นเวทีดีเบตควรให้โอกาสผู้บริหารของแต่ละพรรคได้แสดงวิสัยทัศน์ในการพัฒนาประเทศและแก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชน เพราะเชื่อว่าทุกพรรคตั้งใจทำนโยบายดีๆ เพื่อประชาชน

ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายเรียกร้องให้พรรคส่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคไปร่วมเวทีดีเบตนั้น ส่วนตัวมองว่า ที่ผ่านมาอดีตนายกรัฐมนตรีหลายท่านก็เคยปฎิเสธการร่วมดีเบตมาแล้ว ที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องดูข้อกฎหมายที่ต้องปฏิบัติตามด้วย ที่สำคัญการแสดงวิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรีเป็นเรื่องดีหากมาประชันกันเกี่ยวกับนโยบาย

อย่างไรก็ตามเวทีดีเบตไม่ใช่ช่องทางเดียว ที่จะให้ พล.อ.ประยุทธ์แสดงวิสัยทัศน์ และเชื่อว่าหลังจากนี้ทางพรรคเองก็น่าจะมีโอกาสได้รับเกียรติจาก พล.อ.ประยุทธ์ในการขึ้นเวทีปราศรัย

น.ส.วทันยา กล่าวอีกว่า อยากฝากคนรุ่นใหม่ทุกคน โดยเฉพาะผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรกกว่า 7 ล้านคน ไปใช้สิทธิในวันที่ 24 มี.ค.นี้ อย่านอนหลับทับสิทธิ เพื่อมาร่วมกันทำให้ประชาธิปไตยกลับมาเป็นประชาธิปไตยเต็มรูปแบบหรือเต็มใบอย่างที่พวกเราต้องการ 

ด้านนายอนันต์ อารีคุปต์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จ.สุรินทร์ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า มาลงเล่นการเมืองครั้งแรก ยอมรับมีความกดดัน แต่ไม่กลัวพรรคการเมืองอื่นที่เป็นเจ้าของพื้นที่ เพราะลงพื้นที่หาเสียงกับชาวบ้านด้วยความจริงใจที่จะต้องการเปลี่ยนแปลงสังคม ไม่ได้หวังผลประโยชน์ เชื่อว่าวันนี้ประชาชนเริ่มคิดได้ ไม่ได้ถูกปิดหูปิดตาเหมือนที่ผ่านมา แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน

ทั้งนี้เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค เป็นบุคคลที่ตอบโจทย์ มีนโยบายที่เข้าถึงประชาชนอย่างแท้จริง ทั้งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการลดต้นทุนการผลิต พักหนี้กองทุนหมูบ้าน 3 ปี ส่วนการตั้งเป้าให้ได้ ส.ส.ทั้ง 7 เขต ของ จ.สุรินทร์นั้น ส่วนตัวหวังให้ได้สัก 5 เขต ก็ถือว่าชื่นใจ แต่หากเป็นไปได้ก็ขอให้ได้ยกจังหวัด 7 เขต  


อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :