ไม่พบผลการค้นหา
'เนติวิทย์' ยืมนาฬิกาเพื่อนไปขอผ่อนผันทหาร
Apr 4, 2018 07:46

‘เนติวิทย์’ โชว์นาฬิกา 14 เรือนไปผ่อนผันเกณฑ์ทหาร บอก ‘ยืมเพื่อนมา’ คนละเรือน ได้มากกว่า 22 แต่ข้อมือใส่ได้แค่ 14 ส่วนเพื่อนๆ เจ้าของนาฬิกายังไม่ตาย เดี๋ยวเอาไปคืน พร้อมชูป้าย ‘ออเจ้า การบังคับเกณฑ์ทหารล้าสมัยแล้ว ยุคไพร่-ทาส ควรจะหมดสิ้นจากแผ่นดินไทยแล้ว หมดยุคบังคับเกณฑ์ทหารแล้ว’ ระหว่างยื่นขอผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร ที่หน่วยคัดเลือกทหาร วัดราษฎร์โพธิ์ทอง จ.สมุทรปราการ

นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล อดีตประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า จุดยืนยังเหมือนเดิม ตอนนี้หมดยุค ‘ออเจ้า’ หมดสมัยที่จะมาเกณฑ์ทหารซึ่งมีลักษณะเหมือนไพร่ทาสถูกใช้แรงงานแล้ว หมดสมัยถูกธำรงวินัยและอาจเสียชีวิต ถึงเวลารักชาติแบบยุคใหม่ให้เหมาะสม ส่วนตัวจะไม่รับราชการเกณฑ์ทหารอย่างแน่นอน ไม่ต้องการถูกควบคุมชะตากรรมจากคนที่ใส่นาฬิกาหลายเรือนแต่ไม่สามารถควบคุมตัวเองให้เป็นคนมีคุณธรรมจริยธรรมซื่อสัตย์ได้ จะไม่ปล่อยให้การเกณฑ์ทหารเป็นเครื่องมือของคนเหล่านี้ 

ส่วนกรณีนายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือไอติม หลานชายนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้ารับการตรวจเลือกการเกณฑ์ทหารประจำปีนี้โดยสมัครเข้าเป็นทหารสังกัดกองทัพบก นายเนติวิทย์ กล่าวว่า ปัจจุบันการเกณฑ์ทหารยังเป็นการบังคับ สำหรับคนที่จะเล่นการเมืองหรือคนที่มีชื่อเสียงทางสังคมก็หลีกหนีไม่ได้ ถ้าไม่สมัครใจก็ต้องจับใบดำใบแดง ส่วนตัวมองว่า สื่อไม่ควรถาม ‘ไอติม’ เรื่องรักชาติ แต่ควรถามไอติมและดาราว่า เกณฑ์ทหารมีประโยชน์จริงหรือเปล่า ถ้ามีประโยชน์จริงแล้วเป็นทหารเกณฑ์ 2-3 ปีไหวไหม แล้วเขาเต็มใจหรือเปล่า รวมทั้งทุกคนที่ถูกเกณฑ์เต็มใจไหม ส่วนตัวมองว่าคนส่วนใหญ่ไม่เต็มใจ โลกเราเปลี่ยนไปแล้ว เกณฑ์ทหารเป็นระบบร้อยกว่าปี ยุคนี้เป็นยุคใหม่ ทำไมยังทำแบบนี้อยู่  

นายเนติวิทย์ได้เปิดตัวหนังสือเล่มล่าสุดชื่อ ‘ประเทศไทยเปลี่ยน เกณฑ์ทหารต้องเปลี่ยน’ โดยกล่าวว่า นำหนังสือมาจำหน่ายอยากให้ช่วยกันอุดหนุนเพราะรู้สึกว่าสังคมไทยอัดอั้นตันใจมานาน แต่ยังไม่มีใครทำเรื่องนี้จริงจัง จึงอยากทำเรื่องนี้เพื่อต่อสู้ให้ประเทศไทยดีกว่านี้ ให้เรารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของประเทศนี้ สามารถรักชาติได้โดยไม่จำเป็นต้องเกณฑ์ทหาร 

ทั้งนี้ระหว่างเดินทางมาผ่อนผัน นายเนติวิทย์พร้อมเพื่อน ได้ทำแบบสอบถามความคิดเห็นต่อผู้มาเกณฑ์ทหารรวมถึงผู้ปกครองของผู้มาเกณฑ์ทหาร โดยถามคำถาม 2 ข้อคือ 1 เราควรจะเปลี่ยนระบบเกณฑ์ทหารจาก ‘ระบบบังคับ’ เป็น ‘ระบบสมัครใจ’ เห็นด้วยหรือไม่ ข้อ 2 กองทัพควรรับรองว่า พลทหารจะไม่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนระหว่างเกณฑ์ทหาร 100% เห็นด้วยหรือไม่ 

ผลสำรวจ 169 คน ปรากฏว่า ข้อ 1) คนเห็นด้วยว่าไม่ควรบังคับจำนวน 144 คน คิดเป็นร้อยละ 85.21 ส่วนข้อ 2) คนเห็นด้วยให้กองทัพรับรองว่าพลทหารจะไม่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน จำนวน 157 คิดเป็นร้อยละ 92.90

นายเนติวิทย์ กล่าวว่า ผลการสำรวจสะท้อนว่า ระบบเกณฑ์ทหารควรเปลี่ยนแปลง และคนที่จะไปเป็นทหารก็ต้องการการรับรองสิทธิมนุษยชน