รายการ Talking Thailand ประจำวันที่ 8 กรกฎาคม 2563
“อนุทิน” เสียงอ่อยขอโทษประชาชน ปม “การ์ดตก” ระหว่างร่วมงานสถานทูตอเมริกา แจงงานเลี้ยงมีระบบคัดกรองดี [แอดนึกถึงตอนที่โกรธฝรั่งที่ไม่รับหน้ากากอนามัยเลย] “อ.วิโรจน์” ถกหนักกับ “อ.พิชญ์”
แถมยังจี้ “หมอบุ๋ม” ผู้ที่แถลงข่าวยัดเยียดให้คนใส่หน้ากากอนามัย ทั้งที่ในประเทศ ไม่มีใครติดเชื้อ ก็ต้อง “ขอโทษ” ด้วย
ก่อนการประชุม ครม. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ปฏิเสธตอบคำถามกรณีกระแสดราม่าไม่สวมหน้ากากอนามัยระหว่างร่วมงานวันชาติสหรัฐ โดยระบุเพียงว่า ดราม่าเยอะ พร้อมกับหัวเราะ
เมื่อถามถึงกรณีหญิงชาวไทยในอังกฤษร้องขอเดินทางกลับไทยเนื่องจากป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ขาดยา และอาจมีภาวะนำไปสู่การฆ่าตัวตาย / นายอนุทิน ตอบว่า สถานทูตไทยประจำประเทศอังกฤษ มีเกณฑ์การพิจารณาให้ใครกลับมาก่อนหลัง // ส่วนความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มเที่ยวบินจากอังกฤษเพื่อนำคนไทยกลับประเทศ จากเดิมเดือนละ 2 เที่ยวบิน นั้น จะต้องหารือกับกระทรวงการต่างประเทศก่อน
ต่อมาหลังประชุม ครม. นายอนุทิน ได้ย้ำถึงกรณีการเข้าร่วมงานฉลองวันชาติสหรัฐฯ อีกครั้ง คราวนี้ยอมรับว่า “การ์ดตก” และขอโทษ แต่ขอให้ประชาชนทั่วไปอย่าการ์ดตกเหมือนกับตน แต่ได้อธิบายว่าในงานมีการถ่ายรูปจึงถอดหน้ากากอนามัยออก ยืนยันว่าเป็นการจัดงานในสถานที่ ซึ่งเป็นบ้าน และจำกัดจำนวนคน รวมไปถึงมีตรวจวัดไข้ และไม่มีการรับประทานอาหารร่วมกันแต่อย่างใด รวมทั้งจะดูมาตรการระยะที่ 5 และดำเนินการอย่างเต็มที่ที่จะระมัดระวัง ส่วนความคืบหน้าการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด -19 นายอนุทิน ระบุว่า ขณะนี้ได้พัฒนาเรื่อยๆ และทดลองในลิง 2 ตัว พร้อมพูดติดตลกว่า ขณะนี้ "หนูใหญ่พร้อมฉีดเเล้ว"
ส่วนการจัดแข่งขันโมโตจีพี ที่จังหวัดบุรีรัมย์ นายอนุทิน ระบุว่า การแข่งขันไม่ใช่เป็นเพียงการหมุนเวียนในจังหวัดบุรีรัมย์ แต่จะครอบคลุมจังหวัดข้างเคียงด้วย ซึ่งการแข่งขันจะมี 3-4 วัน เป็นการโปรโมทประเทศและสร้างรายได้เพิ่ม ทั้งยังช่วยฝึกฝนและสร้างแรงบันดาลใจเยาวชน ซึ่งการหารือในปีนี้เรียบร้อยดีแล้ว พร้อมต่อสัญญาการแข่งขันออกไปอีก 1 ปี
ส่วนกรณีที่ชายวัยรุ่นก่อเหตุอนาจารพยาบาล ยามวิกาล ที่จังหวัดขอนแก่นว่า จะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด โดยสั่งการให้ รมช.สาธารณสุข และผอ.โรงพยาบาล พร้อมส่วนที่เกี่ยวข้องดูแล และเพิ่ม รปภ.ในโรงพยาบาลทั่วประเทศ เพื่อดูแลความเรียบร้อย โดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกล อีกทั้งยังกำชับดูแลไม่ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสุภาพสตรีอยู่เวรคนเดียว
