รายการ Talking Thailand ประจำวันที่ 8 กรกฎาคม 2563
นักวิเคราะห์ Talking Thailand ซัด “รัฐมนตรี” ที่ยังไม่สละตำแหน่ง ส.ส. ร่วมวงแสดงตน หวังเติมเสียงประชุมสภา หลัง ส.ส.ซีกรัฐบาลขาดประชุม จนทำสภาล่ม!
ด้าน “วิรัช” อ้างลงพื้นที่ช่วงหยุดยาว “อ.วิโรจน์” สวนกลับไม่เกี่ยวกัน แต่ก็หวั่นจะใช้มุขเดิม โหวตแพ้...แล้วโหวตใหม่
แอดว่า..นี่ไง “เผด็จการรัฐสภา” ของจริง แหม่! สลิ่ม – กปปส. เงียบเลยน๊า
ในระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาในวาระรับทราบ รายงานความคืบหน้า การดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ ช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคมปี 2562 ที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ตั้งข้อสังเกตว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 270 ที่กำหนดให้รายงานแผนการปฏิรูปประเทศทุก 3 เดือน แต่รัฐบาลกลับรายงานการปฏิรูปรอบเดือนตุลาคม ถึงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว / จึงควรถอนวาระออกไปก่อน
และนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ตั้งเงื่อนไขว่า หากตัวแทนฝ่ายรัฐบาลไม่ถอนร่างรายงาน ก็ขอให้ประธานสั่งนับองค์ประชุม ต่อมานายชวน หลีกภัย แจ้งต่อที่ประชุมว่า ยินดีให้นับองค์ประชุม แต่ถือเป็นหน้าที่สมาชิกที่ต้องเข้าร่วมประชุม โดยขณะนั้นสมาชิกฝ่ายรัฐบาลส่วนใหญ่ ไม่ได้อยู่ในที่ประชุม เพราะที่นั่งโล่ง ส.ส.รัฐบาล ที่อยู่ในห้องประชุม พยายามขอหารือกับประธานสภาฯ เพื่อถ่วงเวลาการนับองค์ประชุม โดยอ้างว่าสมาชิกฝ่ายรัฐบาลส่วนใหญ่ อยู่ระหว่างการประชุมกรรมาธิการ แต่ประธานสภาฯ แจ้งว่าให้เวลาเพียง5 นาทีเท่านั้น
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ พยายามเสนอให้นับองค์ประชุมแบบขานชื่อรายบุคคล เพื่อถ่วงเวลา แต่ประธานสภาฯ เห็นว่าไม่มีความจำเป็น ขณะที่ฝ่ายค้านวอร์คเอ้า ไม่ร่วมอยู่ร่วมเป็นองค์ประชุม
ฝ่ายรัฐบาลใช้เวลารวบรวมอยู่ประมาณ 15 นาที มี ส.ส.ที่เป็นรัฐมนตรี ลงจากที่นั่งรัฐมนตรี มาทำหน้าที่ ส.ส. หลายคน ทั้งนายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์ นายเทวัญ ลิปพัลลภ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รวมทั้งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทั้งพรรคพลังประชารัฐ และ พรรคภูมิใจไทย ก็แสดงตนเป็นองค์ประชุมให้ฝ่ายรัฐบาลอย่างเต็มที่ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถช่วยให้การประชุมดำเนินต่อไปได้
โดยมีองค์ประชุมเพียง 226 คน จาก 488 คน ไม่ครบองค์ประชุม ประธานสภาผู้แทนราษฎร สั่งปิดการประชุมทันที
จากการตรวจสอบ พบว่า ส.ส.ที่ไม่ได้ร่วมแสดงตน ในฝ่ายรัฐบาล มี 53 คน แบ่งเป็นพรรคพลังประชารัฐ 27 คน, ประชาธิปัตย์ 16 คน, ภูมิใจไทย 4 คน, พลังท้องถิ่นไท 2 คน, ชาติไทยพัฒนา 2 คน รวมทั้ง พลังชาติไทย และพลังไทยรักไทย พรรคละ 1 คน
ขณะที่ฝ่ายค้าน ที่ร่วมแสดงตน เป็นองค์ประชุม เป็นพรรคก้าวไกล 6 คน ได้แก่ นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายจรัส คุ้มไข่น้ำ ส.ส.ชลบุรี นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. นายทศพร ทองศิริ ส.ส.กทม. นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายสุรวาท ทองบุส ส.ส.บัญชีรายชื่อ
พรรคเพื่อไทย 2 คน ได้แก่ น.ส.พรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี และนายพลภูมิวิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม. รวมทั้ง นายปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ
ต่อมา นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน พร้อมด้วย นพ.ชลน่าน นายครูมานิตย์ นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงหลังสภาล่มครั้งแรก ในสมัยประชุมครั้งที่ 2 โดย นายสุทิน ระบุว่า การปฏิรูปประเทศ คือคำมั่นสัญญาของรัฐบาล และเป็นข้ออ้างก่อนการยึดอำนาจ เช่น อ้างว่าต้องมี ส.ว. ช่วงเปลี่ยนผ่าน และเป็นข้ออ้างหลายอย่าง จนสังคมให้โอกาส / ฝ่ายค้านให้ความร่วมมือในการรายงานแผนการปฏิรูป ทุก 3 เดือนนั้น เราให้ความร่วมมือมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้ ทุกภาคส่วนเห็นว่า การปฏิรูปไม่เกิด แม้แต่พันธมิตรที่สนับสนุนรัฐบาลก็ผิดหวัง และแม้กระทั่ง ส.ว.ยังออกมาพูดให้รัฐบาลปฏิรูปประเทศอย่างจริงจัง ซึ่งเราต้องการสะท้อนเสียงของสังคม ผ่านไปยังรัฐบาล แต่รัฐบาลทำเสมือนใช้สภาเป็นตรายางให้ มาครั้งนี้ รัฐบาล และ ส.ส.ฟากรัฐบาลไม่ให้ความสำคัญ ไม่เข้าร่วมประชุม ทำให้เราเสนอนับองค์ประชุมจนสภาล่ม
สิ่งที่เกิดขึ้น ฝ่ายค้านหวังว่า จะเป็นแรงกระตุ้นให้รัฐบาลตระหนักคิดได้ว่าจะเอาอย่างไรกับการปฏิรูปต่อ และเชื่อว่าสังคมจะเข้าใจเรา การนับองค์ประชุม และการวอล์กเอาต์ เป็นการกระตุ้นเตือน แต่ถ้ารัฐบาลไม่ให้ความสำคัญอีกเราก็จะยกระดับให้มากขึ้น
ต่อมา นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่าวิปรัฐบาลน้อมรับข้อผิดพลาดเรื่ององค์ประชุมของฝ่ายรัฐบาลที่ไม่ครบ ซึ่งวันนี้มีสมาชิกลาประชุมเกือบ20 คน บางส่วนลงพื้นที่ต่างจังหวัดในวันหยุดยาวแล้วกลับมาประชุมไม่ทัน ขณะที่บางคนเซ็นชื่อแล้วแยกไปประชุมในส่วนอื่น หรือประชุมกรรมาธิการตามห้องต่างๆ
มองว่าการขอนับองค์ประชุมในวาระรับทราบนั้น ฝ่ายค้านมีเจตนาที่จะตีรวนเองหรือไม่ เพราะส่วนใหญ่จะผ่านไปถึงการพิจารณาก่อน ไม่มีใครมานับองค์ประชุมในวาระรับทราบ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็ทำให้เราต้องระวังคอยดูแลพูดคุยกันให้มากขึ้นและเชื่อว่าจะไม่ปล่อยให้เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีกโดยเฉพาะกับวาระที่ต้องพิจารณาเรื่องสำคัญต่างๆ
ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อสังเกตว่าพรรค พปชร.มีหัวหน้าพรรคคนใหม่ ที่จะสร้างความเป็นเอกภาพในพรรคร่วมรัฐบาล แต่ยังเกิดเหตุในลักษณะนี้ขึ้นได้อีก นายวิรัช กล่าวว่า อย่าไปตั้งข้อสังเกตลึกขนาดนั้น ไม่มีอะไรหรอก ครั้งนี้ขาดก็ยอมรับและต้องไม่ให้เกิดขึ้นอีก เมื่อถามย้ำว่า ผู้ใหญ่ในพรรคพปชร.มีท่าทีอย่างไรกับเหตุสภาล่มครั้งนี้ นายวิรัช กล่าวว่า ในพรรคไม่ได้ว่าอะไร ส่วนตนยังไม่ได้เจอใคร
