รายการ Talking Thailand ประจำวันที่ 8 กรกฎาคม 2563
“ธนาธร” เดินเครื่องตรวจสอบงบปี 64 ที่คนทั้งประเทศรู้เช่นเห็นชาติ “รัฐบาล”ที่ปากอ้างโรคระบาดสารพัด แต่ยัดไส้โครงการที่ไม่ได้เกิดประโยชน์กับประชาชน และไม่ขอใส่ใจ “คนที่ไม่พอใจ” ในการรับเป็น กมธ. งบฯ
ขณะที่ “ส.ส.พลังป่วน” ยื่นสอบ “พรรคก้าวไกล” โทษฐานที่ เสนอชื่อ “ธนาธร” แหม่! คนรู้กฎหมายยังไม่เดือดร้อน เพราะมาในฐานะประชาชนที่ตรวจสอบรัฐบาลได้
น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ยื่นหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้พิจารณาและสอบจริยธรรมพรรคก้าวไกล ที่เสนอ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็น กมธ. วิสามัญพิจารณาแปรญัตติร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 64 แม้ไม่ขัดกฎหมาย แต่ขาดจริยธรรมและไม่เหมาะสม เพราะนายธนาธร ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองและยังมีคดีความค้างอยู่ ประกอบกับเคยเป็น กมธ. วิสามัญงบฯ ปี 63 แล้วลาออก อีกทั้งได้นำเอกสารประกอบการประชุมไป บิดเบือนต่อสาธารณะ โดยเฉพาะงบประมาณของกระทรวงกลาโหม ซึ่งถือว่า ขาดจรรยาบรรณและจริยธรรม
เมื่อผู้สื่อข่าวถามกลับ กรณีนายวราเทพ รัตนากร อดีต รมช. คลัง ที่ถูกศาลพิพากษาจำคุก แต่รอลงอาญา และถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ก็เป็น กมธ. ได้ น.ส.ปารีณา ตอบว่า หากใครติดใจก็สามารถยื่นตรวจสอบได้ แต่ส่วนตัวมองว่า นายวราเทพ ไม่มีพฤติกรรมบิดเบือนเช่นเดียวกับ นายธนาธร
ด้านนายธนาธร เข้าร่วมประชุม กมธ. งบฯ ปี 64 นัดแรก โดยกล่าวว่า การทำหน้าที่กรรมาธิการในครั้งนี้ เพื่อมาร่วมพิจารณาการจัดสรรงบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุด และพร้อมจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพราะการจัดสรรงบประมาณในครั้งนี้ เกิดขึ้นในช่วงที่มีการกู้เงินมาเยียวยาในช่วงวิกฤติโควิด-19 ซึ่งเงินที่มาจากภาษีของประชาชนจะต้องใช้อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ หากมีการใช้งบประมาณแบบเดิมๆก็จะเสียโอกาสในการพัฒนาประเทศ และเป็นห่วงการจัดทำกรอบวงเงินงบฯ ปี 64 ที่ไม่ได้แตกต่างจากปี 63 ทั้งที่ปัญหาเดิมยังไม่ได้รับการแก้ไข โดยเฉพาะปัญหาความเหลื่อมล้ำ ปัญหาทางเศรษฐกิจ ที่ถดถอย แต่กลับไม่ใช้โอกาสในการจัดทำงบประมาณ เพื่อให้ประเทศรับมือกับ โควิด-19 อีกทั้ง การกู้เงินในวงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท หากไม่นำมาใช้ให้คุ้มค่าหรือนำไปสู่การลงทุนก็จะเกิดปัญหาได้ในอนาคต เพราะที่ผ่านมา เคยมีบทเรียนมาแล้วเมื่อปี 2540 ช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งอีกมีการกู้เงินเพียง 1.2 ล้านล้านบาทมากู้วิกฤติ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังใช้หนี้ไม่หมด
ส่วนที่มีผู้วิจารณ์ และหลังไม่พอใจกรณีการรับตำแหน่ง กมธ. ครั้งนี้ ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของคนที่ไม่พอใจ ส่วนตัวไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ แต่ขอทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพราะมั่นใจว่าสิ่งที่เข้ามาทำหน้าที่ไม่มีอะไรผิดกฎหมาย ส่วนข้อหาจากการยุบพรรคนั้น ก็เป็นเพียงตัดสิทธิ์การลงเลือกตั้งและสมัครสมาชิกพรรคเท่านั้น ไม่ได้ตัดสิทธิ์ความเป็นพลเมืองในการเข้ามาทำหน้าที่ตรวจสอบ แสดงความคิดเห็น เศรษฐกิจการเมืองและทางสังคมได้
ทั้งนี้ที่ประชุมมีมติเลือกนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ ขณะที่รองประธานฯ มี 21 คน อาทิ นายสันติ พร้อมพัฒน์ เป็นรองประธานฯ คนที่ 1, นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เป็นรองประธานฯ คนที่ 2 และนายวราเทพ รัตนากร เป็นรองประธานฯ คนที่ 3
ที่ปรึกษา กมธ. 7 คน อาทิ นายจุติ ไกรฤกษ์, นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รวมถึงนายธนาธร ขณะที่เลขานุการฯ มี 11 คน อาทิ นายสันติ กีระนันทน์ นายไผ่ลิกค์ ส่วนโฆษก กมธ. มี 15 คน อาทิ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร, น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์,น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี และนายภราดร ปริศนานันทกุล
