วันที่ 5 ธ.ค. 2564 ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง กรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ได้กล่าวเปรียบเทียบถึงความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยและคนจนด้วยการเดินทางผ่านทางด่วนและทางปกติจนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ว่า สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์พูด ยิ่งตอกย้ำถึงวิสัยทัศน์ที่ไม่มีความเข้าใจ และไม่มีความรู้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในประเทศ ทั้งที่ความเหลื่อมล้ำเป็นบ่อเกิดของปัญหาเรื้อรังในสังคมไทยยากที่จะแก้ไขหลายด้าน โดยเฉพาะความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาและเศรษฐกิจที่เกิดจากกระบวนการสะสมทุนกระจุกตัว หากผู้นำประเทศยังคงอยู่ในวังวนอยู่กับความไม่เข้าใจในปัญหา ติดกับดักนโยบายประชานิยมที่ไม่สร้างรายได้ให้กับประชาชนในระยะยาว จึงมีความกังวลว่าอาจจะทำให้ช่องว่างคนรวย 1% กับคนจน 99% กลายเป็นคนจนทั้งประเทศได้

ตรีชฎา กล่าวว่า ในความเป็นจริงภาครัฐมีหน้าที่โดยตรงในการลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเท่าเทียมให้กับประชาชนในประเทศผ่านรัฐสวัสดิการที่ดี สร้างคุณภาพชีวิตขั้นพื้นฐานของประชาชนให้ก้าวข้ามผ่านความยากลำบากทางด้านรายได้ เร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ เหมือนกับที่รัฐบาล ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้คิดริเริ่มนำนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคมาให้ประชาชนได้รับโอกาสการรักษาพยาบาลที่เท่าเทียม หรือในยุคของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นำนโยบายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเพื่อสร้างหลักประกันด้านรายได้ให้แก่ผู้สูงอายุ และที่สำคัญความเท่าเทียมต้องเริ่มต้นจากรัฐธรรมนูญที่ยึดโยงกับประชาชน ไม่ใช่เกิดจากสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์คิดและทำในเวลานี้ ยิ่งคิดยิ่งทำประเทศล้มเหลว เพราะวิสัยทัศน์ในการบริหารที่ไม่เคยเข้าใจรากของปัญหาอย่างแท้จริง 

“สิ่งเดียวที่รัฐบาลนี้ไม่เคยมีให้ประชาชนคือโอกาส การที่ พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาเป็นนายกฯ ที่มาจากการยึดอำนาจที่ประชาชนไม่ได้เลือกและต้องทนอยู่มาตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ทำคนไทยพลาดโอกาสในชีวิตหลายอย่าง คนไทยหลายคนรู้สึกอับอายที่มีผู้นำแบบนี้ พวกเขาอยากมีนายกฯที่เป็นความหวัง ฉลาด และมีแนวคิดพัฒนาประเทศและพัฒนาชีวิตของประชาชนมากกว่านี้ “ตรีชฎา กล่าว