กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. — วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ดร.นลินี ทวีสิน ประธานผู้แทนการค้าไทย ได้หารือกับวุฒิสมาชิกแทมมี ดัควอร์ธ จากรัฐอิลลินอยส์ และวุฒิสมาชิกเอลิสซา สล็อตคิน จากรัฐมิชิแกน และภาคเอกชนรายสำคัญในพื้นที่ เพื่อหารือถึงบทบาทของไทยในฐานะหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่มีศักยภาพ และการขยายการลงทุนของภาคเอกชนไทยในสหรัฐฯ

ดร.นลินีได้เน้นย้ำว่า ภาคเอกชนไทยมีการลงทุนในสหรัฐฯ รวมมูลค่ากว่า 17,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และสร้างการจ้างงานไม่น้อยกว่า 15,000 ตำแหน่ง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเจตนารมณ์ของไทยในการเป็นหุ้นส่วนที่เชื่อถือได้ พร้อมย้ำว่า ประเทศไทยคือพันธมิตรที่ใกล้ชิดของสหรัฐฯ ในทุกมิติ และพร้อมยืนหยัดเคียงข้างเพื่อสร้างความสมดุลในความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างกัน

นอกจากนี้ ในการหารือ ดร. นลินี ได้เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนได้นำเสนอศักยภาพของตนในหลากหลายสาขา ทั้งด้านอุตสาหกรรม เทคโนโลยี พลังงาน และอาหาร โดยทุกบริษัทของไทยได้แสดงความประสงค์ที่จะเพิ่มการลงทุนในสหรัฐ และเห็นพ้องว่าประสบการณ์การลงทุนในสหรัฐฯ เป็นไปในเชิงบวก โดยวุฒิสมาชิกแทมมี ดัควอร์ธ จากรัฐอิลลินอยส์ และวุฒิสมาชิกเอลิสซา สล็อตคิน จากรัฐมิชิแกน ได้แสดงความพร้อมในการสนับสนุนการลงทุนของไทย และพร้อใที่จะเชื่อมและประสานงานในทุกๆประเด็นที่บริษัทไทยต้องการรับ

นอกจากนี้ ในการหารือยังได้มีการหารือถึงข้อเสนอการร่วมผลิต (joint manufacturing) เช่น การผลิตแผงโซลาร์ หรือชิ้นส่วนยานยนต์ ในประเทศไทย ในฐานะมิตรประเทศที่ยาวนานของสหรัฐ เพื่อส่งไปประกอบขั้นสุดท้ายในสหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าและการสร้างงานในทั้งสองประเทศ

ประธานผู้แทนการค้าไทย เสริมว่า ตนยินดีที่รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกา สก็อตต์ เบสเซนต์ ได้กล่าวในการประชุมเวทีการลงทุน ซาอุดี-สหรัฐ ณ กรุงริยาด เมื่อวันที่ 13 พ.ค.ว่า ไทยได้นำเสนอแนวคิดริเริ่มที่ยอดเยี่ยม ซึ่งตนเห็นพ้องว่า ไทยสามารถเป็น quick win ของสหรัฐฯ ได้ทั้งในแง่ของความสามารถในการขยายการลงทุน และการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเพิ่มเติม

ในโอกาสเดียวกัน ดร.นลินีได้หารือกับ Ms. Pamela Phan จากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ โดยย้ำถึงความพร้อมของไทยในการลงทุนเพิ่มเติมในสาขาสำคัญ อาทิ เกษตร พลังงาน อาหารและเครื่องดื่ม

ในช่วงค่ำ ดร.นลินีได้เป็นประธานกล่าวเปิดงาน “U.S.-Thailand Collaboration: Networking for Future Business Opportunities” ซึ่งจัดโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เพื่อเป็นเวทีเชื่อมโยงภาคเอกชนไทย–สหรัฐฯ และกระชับความร่วมมือระหว่างสองประเทศ โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 50 รายจากภาคธุรกิจชั้นนำของไทย อาทิ Indorama Ventures, Thai Union, ไทยซัมมิก, บ้านปู และกลุ่ม ปตท. รวมถึงบริษัทสหรัฐฯ ในหลากหลายสาขา เช่น กลุ่มเทคโนโลยี ดิจิทัล ความมั่นคงไซเบอร์ กลุ่มการแพทย์ เทคโนโลยีชีวภาพ และกลุ่มที่ปรึกษา เป็นต้น

ในการกล่าวเปิดงาน ดร.นลินีระบุว่า ความร่วมมือระหว่างไทยและสหรัฐฯ ไม่ได้มีเพียงมูลค่าการค้าและการลงทุนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเชื่อมโยงของผู้คน ความคิด และแรงบันดาลใจ ซึ่งถือเป็นรากฐานของอนาคตที่ยั่งยืนและยืดหยุ่น พร้อมย้ำว่า ความร่วมมือที่ใกล้ชิดและมองไปข้างหน้าคือกุญแจสำคัญในการรับมือกับความท้าทาย และปลดล็อกโอกาสใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นร่วมกัน

ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ

ARTICLE

เศรษฐกิจ