'วัฒนา เมืองสุข' โพสต์เกี่ยวกับกรณีที่นิตยสารไทม์ ขึ้นปกพลเอกประยุทธ์ และเกิดการตอบโต้จากทางกระทรวงการต่างประเทศของไทย โดยวัฒนาได้โพสต์ดังนี้
ตามมาตรา 12 แห่ง พ.ร.บ. ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 กระทรวงการต่างประเทศมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับราชการต่างประเทศ ดังนั้น การที่กระทรวงการต่างประเทศทำหนังสือไปถึงนิตยสารไทม์ (Time) ที่เป็นเอกชน ตำหนิบทความว่ามาจากความคิดที่มีอคติ พร้อมกับยกย่องพลเอกประยุทธ์ว่าจะนำพาประเทศไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยที่ยั่งยืน แถมยังโกหกว่าคนไทยมักเรียกพลเอกประยุทธ์ว่า “ลุงตู่” เพราะสะท้อนถึงความตรงไปตรงมาและเข้าถึงได้ นั้น ถือเป็นการกระทำที่สมควรถูกประณามเพราะผิดหน้าที่และยังไปยกย่องเผด็จการที่คนทั้งโลกรังเกียจ
การที่ไทม์เอารูปและเรื่องราวของพลเอกประยุทธ์ไปลงพิมพ์ เกิดจากการให้สัมภาษณ์ของพลเอกประยุทธ์เอง โดยโฆษกรัฐบาลยังเอามาโฆษณาว่านิตยสารระดับโลกให้การยอมรับเอาเรื่องลงและเอารูปขึ้นปก จึงเป็นเรื่องที่พลเอกประยุทธ์เข้าไปเกี่ยวข้องเป็นส่วนตัวแต่ไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่ราชการของนายกรัฐมนตรี ส่วนการตั้งฉายาว่า “สฤษดิ์น้อย” คือเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น กระทรวงการต่างประเทศที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับ “ราชการต่างประเทศ” จึงไม่มีหน้าที่ทำตัวเป็นทนายหน้าหอแก้ต่าง
สิ่งที่กระทรวงการต่างประเทศควรทำคือ แนะนำให้หัวหน้าอยู่อย่างเงียบๆ พูดให้น้อยและรีบคืนอำนาจให้กับประชาชน เพราะการยึดอำนาจเป็นเรื่องที่ทั่วโลกรังเกียจ ความพยายามที่จะสร้างภาพว่าได้รับการยอมรับจากนานาชาติโดยเฉพาะมหาอำนาจ จะต้องแลกด้วยผลประโยชน์ของประเทศที่มาจากภาษีของประชาชนเสมอ กระทรวงการต่างประเทศมีหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของชาติและประชาชนไม่ใช่ปกป้องเผด็จการ เมื่อมีรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งแล้วระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับอารยประเทศก็จะกลับมาเป็นปกติ กระทรวงการต่างประเทศก็จะมีเรื่องที่เป็นประโยชน์ทำ จำไว้ว่าการปกป้องหรือยกย่องสิ่งที่ทั่วโลกรังเกียจคือการทำให้คนไทยต้องอับอายและเสียเกียรติภูมิ
บทสรุปของการเสวนา ส่วนใหญ่มองว่า หากยังคงมีวัฒนธรรมการรับน้อง ควรปรับรูปแบบใหม่ให้คล้ายกับเมืองนอก ที่มีการเปิดชมรมหรือคลับ เพื่อให้คนที่มีความสนใจในด้านเดียวกัน มีกิจกรรมร่วมกัน และจะก่อให้เกิดการสร้างสังคมเช่นเดียวกัน หรือหากไม่อ้างอิงจากต่างประเทศ กิจกรรมรับน้องของไทย ควรเป็นกิจกรรมที่เลิกสร้างให้คนอยู่ในมาตรฐานเดียวกัน หรือทุกคนต้องเหมือนกัน ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะหายไป หากผู้ที่มีอำนาจลงมาสำรวจ และดำเนินการแก้ไขอย่างจริงจัง