นักวิเคราะห์ในสหรัฐฯ มองพรรคอนาคตใหม่ ต้องพิชิต 3 ภารกิจสุดหิน มิฉะนั้น ไม่มีวันได้บริหารประเทศ ขณะที่ผู้ก่อตั้งพรรคยอมรับ 'โอกาสชนะเลือกตั้งมีน้อย' แต่ยังดีกว่าสิ้นไร้ความหวัง
โจชัว เคอร์แลนท์ซิก นักวิจัยอาวุโสด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ Council on Foreign Relations หน่วยงานคลังสมองในสหรัฐฯ นำเสนอบทวิเคราะห์การเมืองไทย โดยมองความเป็นไปได้ที่พรรคอนาคตใหม่ นำโดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จะชนะเลือกตั้งและได้บริหารประเทศ
เคอร์แลนท์ซิก กล่าวว่า ดูเผินๆ พรรคอนาคตใหม่ซึ่งได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนและคนกรุงเทพฯ อย่างมาก มีโอกาสที่จะได้คะแนนเสียงจากคนหลายกลุ่ม โดยผู้ออกเสียงเลือกตั้งเหล่านี้เบื่อหน่ายความขัดแย้งทางการเมืองที่ดำเนินมานานกว่าสิบปี และอยากได้คนหน้าใหม่ที่ไม่มีบาดแผล และเป็นคนที่สามารถนำพาประเทศให้ตั้งต้นใหม่อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เคอร์แลนท์ซิกบอกว่า พรรคอนาคตใหม่จะต้องดำเนินกลยุทธ์ 3 อย่าง เพื่อให้สามารถชนะเลือกตั้งได้
1. ต้องนำเสนอนโยบายที่ให้ความสำคัญกับภาคเหนือและภาคอีสาน ซึ่งเป็นพื้นที่ตัดสินชัยชนะ
2. ต้องมีช่องทางที่จะโฆษณานโยบายเหล่านั้นให้เข้าถึงคนรากหญ้า ซึ่งในเรื่องนี้อนาคตใหม่ยังสู้พรรคเพื่อไทยไม่ได้ เนื่องจากเพื่อไทยทำเครือข่ายฐานเสียงระดับรากหญ้ามานาน
สุดท้าย ต่อให้ชนะเลือกตั้ง พรรคอนาคตใหม่ก็ยังต้องรับมือกับกองทัพ โดยต้องเกลี้ยกล่อมโน้มน้าวให้กองทัพถอยห่างออกจากการเมือง และยอมกลับเข้ากรมกอง
นักวิจัยผู้นี้ตั้งคำถามทิ้งท้ายว่า 'นายธนาธร' มีความสามารถที่จะทำภารกิจซึ่งแทบเป็นไปไม่ได้นี้หรือไม่? ทางด้าน 'นายธนาธร' วัย 39ปี ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวรอยเตอร์ว่า 'ตนไม่ได้คาดหวังที่จะชนะเลือกตั้งเข้ามาเป็นผู้นำประเทศรุ่นใหม่แบบเอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส วัย 41 หรือจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา วัย 47'
นายธนาธรบอกว่า 'กฎหมายเลือกตั้งไม่เป็นผลดีกับเรา จังหวะเวลาไม่เป็นผลดีกับเรา ทัศคติของรัฐบาลไม่เป็นผลดีกับเรา โอกาสมีน้อยมาก แต่มีความหวังน้อยก็ยังดีกว่าไม่มีความหวัง'
โจชัว เคอร์แลนท์ซิก แห่งหน่วยงานคลังสมอง Council on Foreign Relations กล่าวกับรอยเตอร์ว่า 'ในเมืองไทยนั้น ความสำเร็จทางการเมืองขึ้นกับความสามารถในการกล่อมกองทัพและชนชั้นนำ'