กองบัญชาการตำรวจนครบาล สั่งยึดรถผู้ขับขี่และคนซ้อนรถจักรยานยนต์ที่ไม่สวมหมวกกันน็อก จนกว่าจะหาหมวกฯ มาใส่ เพื่อลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน และเพิ่มโทษปรับสูงสุด 1,000 บาททุกกรณี
ตั้งแต่วันนี้(18ธ.ค.) เป็นต้นไป ผู้ขับขี่และคนซ้อนรถจักรยานยนต์ ที่ไม่สวมหมวกกันน็อก ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จะถูกตำรวจจราจรยึดรถไว้ จนกว่าจะหาหมวกกันน็อกมาสวมใส่ เพื่อลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน หลังจากกองบังคับการตำรวจจราจร และสถานีตำรวจนครบาลทั้ง 88 แห่ง เร่งประชาสัมพันธ์มาตรการนี้ ตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา
โดยในช่วงวันที่ 18-24 ธันวาคม ผู้ที่กระทำผิดข้อหาไม่สวมหมวกกันน็อก จะยังไม่ต้องจ่ายค่าปรับ จากนั้น ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคมเป็นต้นไป จะเริ่มบังคับใช้กฎหมาย หากตำรวจพบเห็นสามารถจับปรับได้ทันทีในอัตราโทษปรับสูงสุด 1,000 บาททุกกรณี
พลตำรวจตรี จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีรถจักรยานยนต์ในกรุงเทพฯ ประมาณ 3.4 ล้านคัน มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุ และเสียชีวิตจากกรณีไม่สวมหมวกกันน็อกเป็นจำนวนมาก และที่ผ่านมาพบว่า การเสียค่าปรับแล้วปล่อยให้ขับขี่รถต่อไป ไม่ใช่แนวทางที่จะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตได้ จึงต้องบังคับให้สวมหมวกกันน็อก 100 เปอร์เซ็นต์
ขณะที่เช้าวันนี้(18ธ.ค.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดประชุมหารือ และสรุปผลการปฏิบัติงานในการออกใบสั่งแบบรูปแบบใหม่ หลังจากเมื่อวานนี้(17ธ.ค.) ได้เริ่มใช้ใบสั่งแบบรูปแบบใหม่เป็นวันแรก ตามโครงการ Police Ticket Management (โปลิส ทิกเก็ต แมเนจเมนต์) หรือ PTM (พีทีเอ็ม)
รายงานโดย วีรนันต์ กัณหา