รายการ Talking Thailand ประจำวันที่ 5 มิถุนายน 2563
“อ.พิชญ์” จับสังเกตรัฐบาล “ประยุทธ์” จ่อม้วนเสื่อ หลังปรับกระบวนการแจกเงินเกษตรกร จู่ ๆ ก็ง่ายดาย ทั้งที่ช่วงแรกสร้างเงื่อนไขสารพัด ผนวก “พปชร.” ปรับทัพ ส่อยุบสภา “เลือกตั้งใหม่” มากกว่าแค่ปรับ ครม.
แถมช่วย “อ.วิโรจน์” ประเมิน “กลุ่มแคร์” เคลื่อนไหวถี่ เหมือนส่งสัญญาณให้ “พรรคเพื่อไทย” ขยับ และพร้อมลงสนาม หวังช่วงชิง ส.ส. ผ่านปมปัญหาทางสังคม
นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านฯ เปิดเผยความคืบหน้า การดำเนินการของ “คณะผู้ห่วงใยประเทศ“ (กลุ่มแคร์) ที่เป็นการรวมตัวของกลุ่มคนหลากหลายวิชาชีพ รวมทั้งผู้ริเริ่มที่ทำหน้าที่ประสานงานกลุ่ม ได้นัดหารือผู้เข้าร่วมทุกท่าน และได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่าจะหารือครั้งที่ 2 ช่วงต้นสัปดาห์หน้า เพื่อให้ได้ข้อสรุป ในเป้าหมายและความร่วมมือ รวมทั้งจะสรุปชื่อกลุ่มอย่างเป็นทางการ ตลอดจนแนวทางดำเนินการในอนาคต ที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติในยามวิกฤติ คาดว่า เมื่อทุกอย่างชัดเจนแล้ว จะเปิดตัวกลุ่มอย่างเป็นทางการภายในเดือน มิ.ย.นี้
ขณะที่ นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ภาพการเมืองหลังสู้ศึกอภิปราย กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,621 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการวันที่ 2-4 มิถุนายน
•ภาพการเมืองหลังสู้ศึกอภิปราย พ.ร.ก.กู้เงิน พบว่า
ร้อยละ 81.1 เห็นภาพการเมืองเก่าๆ จัดคนเข้ามาเอาผลประโยชน์เงินกู้ ที่รัฐบาลก่อหนี้สินให้ทุกคนในชาติ
ร้อยละ 79.4 เห็นภาพนักการเมืองยี้ แย่ๆ เดิมๆ ทำให้เด็ก-เยาวชนเลียนแบบ
ร้อยละ 76.4 เห็นภาพสงสารเห็นใจนายอุตตมฯ รมว.คลัง มากขึ้น
ร้อยละ 75.6 เห็นภาพการเมืองที่เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึก ฆ่าขุนพล
ร้อยละ 75.4 เห็นภาพนักการเมืองหักหลัง มุ่งผลประโยชน์ส่วนตัว-พวกพ้อง
ร้อยละ 68.1 เห็นภาพเตรียมการขบวนการโจรปล้นชาติ
ร้อยละ 67.0 เห็นภาพอำมหิต โหดร้ายทางการเมือง
นายนพดล ระบุว่าที่น่าพิจารณาคือ ร้อยละ 72.0 เห็นภาพอดีตนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพที่ปล่อยให้มีการหักหลังเพื่อนร่วมรบ ปล่อยให้เพื่อนร่วมรบตายไปหลังจบศึก ร้อยละ 28.0 เห็นภาพพลเรือนผู้กล้าหาญยืนชี้แจงความจำเป็นต้องกู้เงินมาเยียวยาประชาชนฟื้นฟูเศรษฐกิจที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคือ ร้อยละ 77.3 ระบุเป็นไปได้ที่ประชาชนจะเป่านกหวีด ออกมาปกป้องเงินกู้ที่รัฐบาลก่อหนี้สินให้ทุกคนในชาติ ขจัดนักการเมืองยี้ที่เข้ามารุมทึ้ง ร้อยละ 22.7 ระบุเป็นไปไม่ได้ ทั้งนี้ ร้อยละ 90.7 ระบุภาพการเมืองที่เห็นวันนี้คือ นรกชัดๆ ร้อยละ 9.3 ระบุสวรรค์แท้ๆ ที่น่าสนใจ ร้อยละ 74.2 ระบุถึงเวลาแล้วที่ควรยุบสภา ขณะที่ร้อยละ 25.8 ระบุ ยังไม่ถึงเวลา
นายนพดล กล่าวว่า 3 ป.ระวังสั่นคลอนเหตุคนไม่เอา เพราะเวลานี้ประเทศและประชาชนเปราะบางมากและอาจนำสู่วิกฤตใหญ่หลวงยากจะควบคุม สอดคล้องกับข้อมูลอารมณ์ประชาชน ที่เคยทำมาเกือบ 30 ปี จึงต้องรีบแจ้งสัญญาณอันตรายแรงๆ ด้วยข้อมูลว่า บ้านเมืองอาจจะวุ่นวายช่วงปลายปี ถ้าไม่ตัดไฟแต่ต้นลมในวันนี้
นายกฯและผู้ใหญ่ในบ้านเมือง อย่าเติมเชื้อเพลิงฝืนกระแสสังคมสร้างความคับแค้นใจ ความเคลือบแคลงสงสัยของสาธารณชนต่อนักการเมืองยี้แบบเก่า ต่อความไม่ชอบธรรมของรัฐบาล องค์กรอิสระและต่อผู้ใหญ่ฝ่ายการเมือง // โดยทางออกคือ
1.รักษาสถานภาพเดิมคือ the Status Quo เอาไว้ ไม่ทำตามกลุ่มนักการเมืองแบบเก่าที่เร่าร้อน แต่เมื่อมีผู้ใหญ่บางคนทำพลาดฝืนกระแสสังคมไป ก็รีบปรับตัวกลับสู่ทางที่ดีที่ถูกต้อง
2.ผู้มีบารมีของประเทศน่าจะทำให้พรรคการเมืองเจ้าปัญหากลับมารักษาปกป้องคนดีเอาไว้ โดยถือโอกาสนี้ปลดคนไม่ดี มีประวัติด่างพร้อยเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยในหมู่ประชาชนที่ทุจริตออกไปเลย ใช้วิกฤตเป็นโอกาส สังคมจะกลับมายกย่องเชิดชูพรรคการเมืองนี้
3.หากทำอะไรไม่ได้มากอีกแล้ว เพราะวุ่นวายเหลือเกิน เหนื่อยเหลือเกิน น่าจะยุบสภา เลือกตั้งใหม่ ตัดไฟแต่ต้นลม คืนอำนาจให้ประชาชน ผลที่ตามมาคือ จะช่วยทำให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อได้ ไม่เกิดเหตุรุนแรงบานปลาย