รัฐบาลนิวซีแลนด์อ้างตัวเป็น 'ชาติแรก' ของโลกตะวันตกที่จัดสรรงบประมาณโดยใช้ 'คุณภาพชีวิตของประชาชน' เป็นเกณฑ์หลักในการพิจารณา หวังเปลี่ยนดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจให้ยึดโยงกับความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนแทนการขยายตัวของการค้าการลงทุน
จาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีหญิงของนิวซีแลนด์ ประกาศเดินหน้าผลักดัน 'งบประมาณด้านคุณภาพชีวิต' ที่ตั้งเป้าว่าจะลงทุนและสนับสนุนโครงการพัฒนาต่าง ๆ เพื่อลดปัญหาทางสังคม และคาดว่าจะเป็นงบประมาณด้านสังคมก้อนใหญ่ที่สุด ที่เคยพิจารณาให้แก่ภาครัฐที่ดำเนินการในด้านนี้ โดยเว็บไซต์อัลจาซีรารายงานว่า รัฐบาลนิวซีแลนด์ประกาศยึดหลัก 'ความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน' เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณแต่ละกระทรวง แทนการใช้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจตามแบบที่เคยเป็นมาก่อนหน้านี้
แกรนต์ โรเบิร์ตสัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของนิวซีแลนด์ ระบุว่าแม้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของนิวซีแลนด์จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจเหล่านี้มากนักในชีวิตประจำวัน ทั้งยังทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้และความเป็นอยู่ ด้วยเหตุนี้ งบประมาณด้านคุณภาพชีวิตของนิวซีแลนด์ที่จะพิจารณาในอนาคต จะรวมถึงการอุดหนุนเงินลงทุนและพัฒนาโครงสร้างที่จะลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทุกกลุ่ม
รัฐบาลนิวซีแลนด์จะมุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหาเด็กยากจน ผู้ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงในครอบครัว รวมถึงปัญหาผู้ป่วยทางจิต ซึ่งเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาในนิวซีแลนด์ และถูกตอกย้ำอย่างชัดเจนเมื่อเกิดเหตุชายผิวขาวกราดยิงมัสยิด 2 แห่งในเมืองไครสต์เชิร์ชเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 51 ราย อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว BBC รายงานว่า พรรคฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยอย่างมากที่รัฐบาลผสมนิวซีแลนด์ ซึ่งมาจากการรวมตัวของพรรคแรงงานและพรรคซ้ายกลาง กล่าวอ้างว่า มาตรการดังกล่าวจะเป็นหนทางแก้ไขปัญหาทางสังคม โดย 'ไซมอน บริดเจส' แกนนำฝ่ายค้าน วิจารณ์ว่า มาตรการดังกล่าวเป็นแค่ 'การขายฝันที่ไม่ช่วยแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมได้จริง'