รายการ Talking Thailand ประจำวันที่ 23 มีนาคม 2563
นักวิเคราะห์ Talking Thailand ชี้ฝ่ายค้านหยิบยื่นข้อเสนอให้ “รัฐบาล-ประยุทธ์” แล้ว ทำไมไม่เอามาใช้ หรือควรเชิญร่วมวงถกแนวทางรับมือฝ่าวิกฤตโรคระบาด ขนาด “คุณหญิงสุดารัตน์” ยังบอกเคยแนะนำไป แต่รัฐไม่หื่อไม่อือ แถมออกมาตรการที่ไม่รอบด้าน อาจกระทบประชาชน
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากมาตรการเมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา ระหว่างรัฐบาลและ กทม.ที่มีความสับสนตั้งแต่ช่วงเช้า กระทั่งช่วงบ่าย ผู้ว่าฯ กทม.จึงออกประกาศสั่งปิดสถานประกอบการ 28 ประเภท สุดท้ายประชาชนก็พากันแห่ไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต
ทั้งนี้ เรามีความห่วงใยมาตรการของรัฐบาล ที่ออกมาโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน ทำกันแบบครึ่งๆกลางๆ ไม่คิดให้รอบด้าน ปล่อยให้หน่วยงานว่ากันเองแบบนี้ไม่ได้ เพราะจะยิ่งสร้างความเสี่ยงให้ประชาชนเพิ่มขึ้น ขณะนี้ประชาชนที่เป็นกลุ่มลูกจ้างแห่กลับบ้านต่างจังหวัด โดยรัฐไม่สั่งห้าม เพราะธุรกิจส่วนใหญ่ไม่จ่ายเงินค่าจ้างให้ลูกจ้าง
ขณะที่รัฐก็ไม่ออกมาตรการเยียวยาช่วงที่ต้องหยุดงาน ถือเป็นความบกพร่องอย่างมากของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ไม่นั่งหัวโต๊ะดูปัญหาให้รอบด้าน เชื่อว่าประชาชนไหลออกต่างจังหวัดร่วมแสนคน ยิ่งเกิดการเคลื่อนไหวของคนจำนวนมาก เท่ากับว่าเหมือนเป็นการเลื่อนวันหยุดสงกรานต์ให้เร็วขึ้น ขณะที่จังหวัดอาจตั้งรับไม่ทัน จะยิ่งสร้างความโกลาหลในต่าจังหวัดเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้นต้องปิดสถานประกอบการ 28 ประเภทในระยะสั้น รัฐต้องสั่งห้ามคนออกจาก กทม.และจ่ายเงินยังชีพให้กลุ่มที่ต้องหยุดงานอยู่กับบ้าน
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า สำหรับมาตรการ 21 วันสยบโรคที่พรรคเพื่อไทยเสนอไปนั้น ไม่อยากให้รัฐบาลคิดว่าเป็นฝ่ายค้านที่เสนอหรือเป็นเรื่อง การเมือง แต่เป็นการระดมความคิดเห็นจากแพทย์ รวมทั้งจากประสบการณ์ในช่วงที่เกิดโรคซาร์สแลละไข้หวัดนกสมัยรัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ขอให้ป้องกันเชื้อใหม่ไม่ให้เข้าประเทศ โดยจะปิดไม่ให้มีการเดินทาง หรือจัดโรงแรมให้ประชาชนกักตัวเอง 14 วันตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคฯ และต้องปูพรมเอ๊กซเรย์หาผู้ติดเชื้อที่ติดอยู่ในประเทศให้เข้าระบบโดยเร็วที่สุด แต่รัฐบาลยังไม่ดำเนินการ แถมยังมีคอขวดทั้งการจัดหาหน้ากากอนามัย น้ำยาตรวจหาเชื้อหรือสกรีนนิ่งเทสต์ก็ยังไม่เพียงพอ หากการจัดการยังยุ่งเหยิงอยู่แบบนี้ เชื่อว่าผู้ติดเชื้ออาจถึงหลักพันแน่ๆ ถึงตอนนั้นหน่วยงานด้านสาธารณสุขจะรับไม่ไหว
ด้านนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ กรรมการบริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย โพสต์เฟซบุ๊ก มีเนื้อหาว่า ในภาวะเช่นนี้ ปัญหาเศรษฐกิจจำต้องหล่นลงมาเป็นรองแล้ว การว่างงาน ปิดร้านรวง ปิดโรงงาน ปิดธุรกิจ อัตราการเติบโตที่อาจเป็นศูนย์หรือติดลบไม่ใช่สิ่งที่ต้องกังวลเฉพาะหน้านี้ จะต้องลดความสำคัญลง เหลืออยู่วาระเดียว จะให้ทั้งชาติอยู่รอดอย่างไร รัฐบาลต้องคิดว่าจะช่วยคนตกงานให้มีกินอย่างไร ลูกหลานได้ เรียนต่อไปอย่างไร พ่อแม่ปู่ย่า ซึ่งอยู่ในวัยเสี่ยงชีวิต ได้ปลอดจากเชื้อโควิด-19 มากที่สุดอย่างไร สังคม โดยเฉพาะผู้มีอันจะกินและธุรกิจใหญ่ จะต้องช่วยคิด ร่วมทำ ร่วมเสียสละ ช่วยให้คนที่ลำบาก ตกงาน เป็นหนี้ พออยู่ไปได้ ระหว่างที่ไวรัสระบาดในอีกสามสี่เดือนข้างหน้านี้ “ไทย ทุกคน ทุกระดับ พึงสามัคคี ช่วยกัน เพราะไวรัสเล่นงานเราได้หมดไม่ว่าจะคิดอะไร คิดอย่างไร ยืนอยู่ ที่ไหน วิกฤตครั้งนี้จะเป็นวิกฤตองค์รวม ที่ครบถ้วน และ ครอบคลุมทุกองคาพยพของสังคม ”
นายเอนก ระบุว่า ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะเชิญฝ่ายค้านเข้ามาร่วมคิดร่วมทำ และฝ่ายค้านพึงตอบรับเข้ามาร่วม เพื่อให้บ้านเมืองฝ่าวิกฤตที่ร้ายแรงที่สุดในครั้งนี้ไปให้ได้ วิกฤตนี้ หากตั้งรับให้ดี คนตายจะไม่มาก คนที่จะตายมาก คือคนแก่หรือคนเป็นโรคอื่นหนักอยู่แล้ว แต่คนส่วนอื่นจะไม่ถึงตาย ส่วนไม่น้อยจะติดเชื้อ ไม่รู้ตัว แต่ไม่มีอาการ ข้อที่ต้องเป็นห่วงคือคนเหล่านี้ถึงอย่างไรก็แพร่เชื้อต่อไปได้ จำต้องลดโอกาสให้เขาได้แพร่เชื้อน้อยที่สุด ข้อที่เบาใจสักหน่อยคือ ในเวลาไม่นานนัก เราก็จะเกิดภูมิต้านทานโควิด-19 ขึ้นมาในหมู่คนที่มากพอ ที่จะหยุดเชื้อนี้ได้ หรือ ดีกว่านั้น คืออาจพบยาหรือวัคซีนที่ออกมาก่อนที่ภูมิต้านทานจะเกิด ขึ้นมากพอเสียอีก จะให้ดีอยากชวนให้เราหยุดสื่อสารหรือ ละเว้นการเล่นสื่อสังคม เฉพาะที่เขย่าขวัญกันเองที่วิพากษ์วิจารณ์คนที่กำลังทำงาน ละเว้นการวิพากษ์วิจารณ์มาตรการต่างๆ แต่แน่นอนหากมีความคิดอะไรดีๆ ให้เสนอได้ และควรจะหาอะไรที่ทำเองได้ หรือร่วมกันทำเองได้ ละเว้นการชี้นิ้วกล่าวผิดคนอื่น หันมาเข้มงวดตัวเอง กันเถิด มีวินัยให้มากขึ้น ใช้ธรรมะกับตัวเองกับสังคม แล้วเราจะฝ่าข้ามไป ด้วยกัน ธรรมะนั้น ไม่ได้มีไว้คุยไว้สนทนาไว้สอนในยามปกติเท่านั้น หากต้องเอามาใช้ในยามวิกฤต