ไม่พบผลการค้นหา
พฤศจิกายนเป็นฤดูของเทศกาลดนตรีเอเชีย ทั้ง Clockenflap ที่ฮ่องกง และ Neon Lights ที่สิงคโปร์ แต่ดูเหมือนว่าในปีนี้มหรสพจะกลายเป็นเทศกาลที่ได้รับเสียงแง่บวกมากที่สุด

อย่างที่ผู้เขียนกล่าวไปเมื่อเขียนถึงเทศกาลดนตรีมหรสพ (Maho Rasop) ครั้งแรกเมื่อปีก่อน ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของ music festival อาจไม่ใช่ความยิ่งใหญ่อลังการของตัวงานหรือชื่อเสียงของศิลปินที่มาร่วมงาน หากแต่เป็น ‘ความต่อเนื่อง’ เพราะเมื่อจัดไปเรื่อยๆ ก็สามารถสร้างแบรนด์ของตัวเองได้ว่าเทศกาลนี้หรือผู้จัดรายนี้มีตัวตนอยู่จริง ไม่ได้จัดงานแบบครั้งเดียวแล้วหายไปเลยเพื่อฟอกเงิน หรือกระทั่งทำให้ผู้เข้าร่วมงานเห็นภาพชัดว่าเทศกาลมีคาแรกเตอร์แบบไหน

หลังจากงานครั้งแรกได้รับคำชื่นชมพอสมควร มหรสพก็กลับมาอีกครั้งเป็นปีที่สอง เท่าที่คุยกับทีมงานก็ได้ความมาว่าตอนนี้เทศกาลเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น การดีลศิลปินมาเล่นในงานก็ง่ายขึ้นเล็กน้อย อย่างปีนี้มีความพิเศษที่มี The Horrors มาเล่นในงานแบบเอ็กซ์คลูซีฟ เพราะไทยเป็นประเทศเดียวในเอเชียที่พวกเขามาแสดง อย่างไรก็ดี มหรสพ 2019 ขยายเวลาเป็นสองวัน (ปีที่แล้วจัดวันเดียว) ทำให้สเกลของตัวงานเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

05_TheHorros.JPG

เป็นที่รู้กันดีว่าเดือนพฤศจิกายนเป็นฤดูของเทศกาลดนตรีในเอเชีย อีกสองงานใหญ่คือ Clockenflap ที่ฮ่องกง และ Neon Lights ที่สิงคโปร์ แต่ดูเหมือนว่าในปีนี้มหรสพจะกลายเป็นเทศกาลที่ได้รับเสียงแง่บวกมากที่สุด ด้วยไลน์อัพที่เน้นไปสายร็อกหรืออินดี้อย่างชัดเจน (อาทิ Bombay Bicycle Club, The Horrors, The Drums) จนทำให้มีเพื่อนบ้านชาว AEC บินมาร่วมงานพอสมควร อีกทั้ง Clockenflap ยังโชคร้ายต้องยกเลิกไปด้วยความไม่สงบทางการเมืองในฮ่องกง ส่วน Neon Lights ก็ถูกด่าแหลกทั้งระบบแสกนตั๋วมีปัญหาจนคนรอเข้างานสองชั่วโมง ไหนจะเรื่องไฟดับจนวงสุดท้ายได้เล่นแค่ 15 นาที

ตัวงานมหรสพ 2019 นั้นถือว่าราบรื่นมาก (ทีมงานคนหนึ่งพูดติดตลกกับผู้เขียนว่าราบรื่นจนน่าแปลกใจ) ส่วนหนึ่งมาจากการจัดการที่ดี ไม่ว่าจะศิลปินที่เล่นตรงเวลา การวางผังงานที่เป็นระเบียบ ระบบจ่ายเงินด้วยริสต์แบนด์ที่ไม่เอ๋อ อีกส่วนมาจากอากาศช่วงกลางคืนที่เย็นสบายกว่าปีที่แล้ว ถึงกระนั้นสิ่งที่น่าชื่นชมคือระบบเสียงที่แทบจะดีทุกวงทุกเวที รวมถึงการทำให้ลำโพงของเวทีกลางดังขึ้นจนไม่ถูกเสียงจากเวทีใหญ่กลบแบบครั้งก่อน (แต่ชาวคอนโดแถวนั้นคงไม่ค่อยปลื้มเท่าไร)

ผู้เขียนได้ดูโชว์ของศิลปินในมหรสพ 2019 ไปราว 14 วง แต่ถ้าให้เลือก TOP 5 ของงานก็เป็นดังนี้

04_Deafheaven.JPG

1. Deafheaven : วงโพสต์เมทัลจากอเมริกาที่เซอร์ไพรส์มากที่ผู้จัดชวนมางาน เนื่องจากเพลงของวงนี้ค่อนข้างฟังยาก เป็นส่วนผสมของดนตรีแบบเมทัล ชูเกซ และเสียงร้องแบบแบล็คเมทัล แต่ถึงแนวเพลงจะพิสดารขนาดไหน โชว์ของพวกเขาก็ทรงพลังมาก คนดูพากันวิ่งกระโดดชนกันเป็นวง (หรือการทำ Circle pit) ส่วนผู้เขียนขอลี้ภัยไปด้านหลังตามประสาผู้สูงวัย

2. The Horrors : ร็อคสุดเท่จากอังกฤษที่ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีผู้จัดรายใดพามาเมืองไทยได้ เพลงของ The Horrors อาจไม่ได้สนุกแบบโยกตัวตามได้ แต่ซาวด์ของพวกเขาเท่และเนี้ยบ ไหนจะการยิงไลท์ติ้งที่สวยงามและดุดัน แต่ทางวงก็เลือกปิดโชว์ด้วยเพลงหวานๆ อย่าง Something to Remember Me By

06_Chai.JPG

3. Chai : ต้องสารภาพว่าไม่ค่อยรู้จักสี่สาวจากนาโกย่าวงนี้เท่าไร แต่พอเริ่มแสดงปุ๊บคนดูในงานก็พร้อมใจกันคลั่งตามไปกับพวกเธอ โชว์ของ Chai มีทั้งการแสดงสดแบบพังค์ๆ และการเต้นแบบไอดอลด้วย เรียกได้ว่าเป็นความน่ารักแบบร้ายๆ ดูอันตราย

4. Bombay Bicycle Club : วงเฮดไลน์ประจำมหรสพปีนี้ อินดี้ร็อคจากลอนดอนแนวเพลงร็อคผสมโฟล์คแบบขรึมๆ ฟังที่บ้านบางทีก็เพลินจนเผลอหลับ แต่ปรากฏว่าเล่นสดเดือดมากจนตอนแรกนึกว่าเดินเข้าผิดเวที 

5. King Gizzard & The Lizard Wizard : วงคนบ้าจากออสเตรเลีย ขนสมาชิกกันมามากมาย ออกอัลบั้มมา 15 ชุดในเวลาไม่ถึง 7 ปี แนวเพลงมีหลากหลาย แต่พอขึ้นเวทีแล้วใส่ยับแบบไม่เลี้ยง โชว์ยาวไปเลยชั่วโมงครึ่ง คนดูบ่นโอดโอยร้องขอชีวิต เหนื่อยยิ่งกว่าเข้าฟิตเนส

ณ ตอนที่เขียนต้นฉบับชิ้นนี้ทางมหรสพเขาก็ประกาศเรียบร้อยว่าปี 2020 มีงานอีกแน่นอน (วันที่ 7-8 พ.ย. 2020) หากมองไปข้างหน้าทางผู้จัดต้องเจอความท้าทายพอสมควร ทั้งจากความคาดหวังของผู้ร่วมงานที่งานปีนี้จัดไว้ดิบดี แถมคนดูย่อมอยากจะดูวงดนตรีที่บิ๊กเนมมากขึ้นไปอีก ทว่าสภาพเศรษฐกิจบ้านเรากลับมีแต่จะแย่ลงจนอาจส่งผลต่อการหาเงินทุนและสปอนเซอร์

นอกจากนั้นยังมีปัจจัยภายนอก โดยปกติแล้วเทศกาล Clockenflap กับ Neon Lights จะจัดราวสัปดาห์ที่สามของเดือนพฤศจิกายน การที่มหรสพเลือกจัดช่วงต้นเดือน (เพื่อเลี่ยงไม่ให้ชนกับ Very Festival ที่จัดช่วง 13-15 พ.ย.) ก็อาจทำให้ ‘แชร์’ วงดนตรีกับเทศกาลเพื่อนบ้านได้ยาก

อย่างไรก็ดี ในช่วงปีสองปีนี้สถานการณ์ของมิวสิกเฟสติวัลในเอเชียไม่สู้ดีนัก Laneway ที่สิงคโปร์หายเงียบจนเหมือนจะเลิกจัดไปแล้ว, Neon Lights โดนด่าเละ, สถานการณ์ของ Clockenflap และฮ่องกงยังเอาแน่เอานอนไม่ได้

คำถามคือเป็นไปได้หรือไม่ที่มหรสพจะเลื่อนบทบาทมาเป็น ‘ตัวหลัก’ ของเทศกาลดนตรีในเอเชีย ...ก็ต้องติดตามกันไปด้วยใจระทึก

02 (1).JPG