ที่อุทยานสวรรค์ ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง จ.สุพรรณบุรี ครอบครัวศิลปอาชา นำโดย คุณหญิงแจ่มใส ศิลปอาชา น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นายวราวุธ ศิลปอาชา ประธานคณะทำงานด้านนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทย จัดงานเปิดอนุสาวรีย์นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะปูชนียบุคคลที่ประชาชนจังหวัดสุพรรณบุรีเคารพ และวางพวงดอกไม้รำลึกถึงพระคุณของนายบรรหาร ฐานะนักการเมืองผู้พัฒนาพื้นที่ ทั้งนี้วันที่ 23 เม.ย. ถือเป็นวันครบรอบ 3 ปีวันอนิจกรรมนายบรรหาร ซึ่งจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2559 ด้วย
บรรยากาศภายในงาน นอกจากมีคนใกล้ชิดครอบครัวศิลปอาชา ข้าราชการ ประชาชนเข้าร่วมแล้ว ยังมีแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา อาทิ นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรคนายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรค นายธีระ วงศ์สมุทร ที่ปรึกษาพรรค นายสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง
นอกจากนั้นยังมีนักการเมืองจากพรรคภูมิใจไทย อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษา, นายภราดร ปริศนานันทกุล ว่า ที่ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ว่าที่ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย นายจองชัย เที่ยงธรรม สมาชิกพรรคภูมิใจไทย นายนพดล พลเสน สมาชิกพรรคภูมิใจไทย เข้าร่วม
นอกจากนั้นยังพบนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา เข้าร่วมงานด้วย
ทั้งนี้นายวราวุธ กล่าวถึงพิธีเปิดอนุสาวรีย์ บรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 21 ที่อุทยานสัจจะ-กตัญญู ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี ด้วยว่าเป็นความภาคภูมิใจของประชาชน จังหวัดสุพรรณบุรี เพราะตลอดที่นายบรรหารมีชีวิต และนำการพัฒนามาสู่พื้นที่ทำให้มีผู้ศรัทธาและเคารพเป็นจำนวนมาก ซึ่งตนมองว่านายบรรหารเป็นนักการเมืองเพียงไม่กี่คนที่ทำงานเพื่อประชาชน ดังนั้นจึงได้รับความยกย่องและศรัทธาแม้จะถึงแก่อนิจกรรมไปแล้วครบ 3 ปี
อนุสาวรีย์นายบรรหาร เป็นรูปหล่อทองสำริดเสมือนจริง สูง 2 เท่าของความสูงจริง ประมาณ 3 เมตร น้ำหนักประมาณ 930 กิโลกรัม สวมชุดซาฟารีกางเกงขาเต่อ ทั้งนี้บนกระเป๋าเสื้อหน้าอกด้านซ้ายบรรจุอัฐิของนายบรรหารไว้ด้วย โดยตั้งใจบรรจุไว้ที่ตำแหน่งของหัวใจ พร้อมกันนี้ ยังสอดแทรกความเป็นเอกลักษณ์ของนายบรรหารที่จะเหน็บปากกา 1 ด้าม ดินสอ 1 แท่ง กระดาษพับ 3 ครั้ง 1 แผ่นไว้ที่กระเป๋าเสื้อด้านซ้าย พร้อมข้อมือสวมนาฬิกายี่ห้อ Lazer ที่ใส่เป็นประจำราคาไม่กี่พันบาท สวมรองเท้าคู่ละ 400 บาท ส่วนงบประมาณก่อสร้างประมาณ 20 ล้านบาท โดย 10 ล้านบาทมาจากครอบครัวศิลปอาชา ส่วนอีก 10 ล้านบาทมาจากเงินบริจาคของประชาชน
