ไม่พบผลการค้นหา
ในขณะที่ผู้ป่วยและพลเรือนในที่พักพิงหลายร้อยคน ถูกสังหารที่โรงพยาบาลอัล-อาห์ลีอาหรับ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (17 ต.ค.) ซึ่งเป็นโศกนาฏกรรมที่เลวร้ายที่สุด นับตั้งแต่สงครามฮามาส-อิสราเอลเริ่มต้นขึ้น โรงพยาบาลด้านเนื้องอกวิทยาเพียงแห่งเดียวในฉนวนกาซา กำลังเผชิญหน้าอยู่กับความเสี่ยงในการถูกปิดตัวลง จากการล้อมฉนวนกาซาโดยอิสราเอล

2 วันหลังจากสงครามฮามาส-อิสราเอลเริ่มต้นในวันที่ 7 ต.ค. อิสราเอลได้ดำเนินการ "การปิดล้อมโดยสิ้นเชิง" รอบฉนวนกาซา เพื่อปิดกั้นไม่ให้ไฟฟ้า เชื้อเพลิง น้ำ และเสบียงอื่นๆ สามารถส่งเข้าสู่ฉนวนกาซาได้

ซูภี ซูคีย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมิตรภาพตุรกี-ปาเลสไตน์ ออกมากล่าวเตือนว่า โรงพยาบาลของเขากำลังขาดแคลนเชื้อเพลิงที่จำเป็น ต่อการให้บริการผู้ป่วยมะเร็งและเนื้องอกในฉนวนกาซา เช่นเดียวกับยาที่จำเป็นสำหรับการรักษาผู้ป่วยด้วยวิธีการเคมีบำบัด “เรากำลังพยายามรักษาบริการที่จำเป็นเอาไว้” ซูคีย์ ระบุกับสำนักข่าว Al Jazeera และกล่าวเสริมว่าบริการบางอย่าง อาทิ การฉายรังสี ที่ใช้ในการติดตามและวินิจฉัยโรคมะเร็งของโรงพยาบาล ได้หยุดให้บริการไปแล้ว

ฉนวนกาซาได้รับกระแสไฟฟ้าส่วนหนึ่งจากสายไฟของอิสราเอล ซึ่งปัจจุบันนี้ไฟฟ้าทั้งหมดจากอิสราเอลถูกตัดขาด และพลังงานส่วนที่เหลือได้รับการผลิต โดยโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงซึ่งต้องนำเข้าจากอิสราเอล โดยโรงไฟฟ้าดังกล่าวถูกปิดตัวลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางการล้อมฉนวนกาซาโดยอิสราเอลอย่างสมบูรณ์ นับตั้งแต่ฮามาสเข้าโจมตีพื้นที่ทางตอนใต้ของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 1,400 คน ก่อนจะมีการตอบโต้การโจมตี ด้วยปฏิบัติการทิ้งระเบิดจากอิสราเอลนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งได้คร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 3,300 รายในฉนวนกาซา ซึ่ง 1 ใน 3 ของผู้เสียชีวิตเป็นเด็ก

อย่างไรก็ดี การปิดโรงพยาบาลมะเร็งเพียงแห่งเดียวในฉนวนกาซา ที่ถูกล้อมโดยอิสราเอลกำลังจะเกิดขึ้น นับเป็นผลกระทบที่ชาวปาเลสไตน์กำลังได้รับ จากการทำสงครามของอิสราเอลเพื่อปราบปรามกลุ่มฮามาส ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขในฉนวนกาซาระบุเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้ว่า ฉนวนกาซามีผู้ป่วยโรคมะเร็งมากกว่า 9,000 ราย

โรงพยาบาลมิตรภาพตุรกี-ปาเลสไตน์เปิด ดำเนินการด้วยเครื่องกำเนิดไฟฟ้าในท้องถิ่นเพียงเครื่องเดียว ซึ่งใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงเช่นกัน และอาจจะหมดลงในเวลาไม่ช้านี้ ส่งผลให้เป็นสถานการณ์ที่บังคับให้โรงพยาบาลดังกล่าวต้องปิดให้บริการพื้นฐานลง อันอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งหลายร้อยราย ที่ต้องการรับการรักษาที่ทันท่วงทีและสม่ำเสมอเพื่อต่อสู้กับโรคมะเร็ง 

“ห้องผู้ป่วยหนักจำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าจำนวนมากในการทำงาน” ซูคีย์กล่าว “และเครื่องผลิตออกซิเจนก็เช่นกัน” พร้อมย้ำว่า “การให้เคมีบำบัดของผู้ป่วยบางรายต้องล่าช้าออกไป ถึงแม้ว่าพวกเขาจะถึงกำหนดนัด พวกเขาจะต้องได้รับการรักษานี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เนื้องอกแพร่กระจายไปยังร่างกายและอวัยวะของพวกเขา” ทั้งนี้ ผลจากสงครามทำให้ผู้ป่วยบางรายไม่สามารถมาตามนัดแพทย์ได้ เนื่องจากมีความเสี่ยงและมีความยากลำบากในการเดินทางไปโรงพยาบาล

ในทุกๆ เดือน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขปาเลสไตน์จะส่งผู้ป่วย 2,000 รายจากฉนวนกาซาไปยังโรงพยาบาลนอกฉนวนกาซา ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเยรูซาเลม เวสต์แบงก์ และอิสราเอล โดยการปิดล้อมของอิสราเอลที่มีผลตั้งแต่ปี 2550 ทำให้ประชาชนในฉนวนกาซา ต้องได้รับใบอนุญาตทางการแพทย์ที่จำเป็น เพื่อการเดินทางออกจากฉนวนกาซา ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากลำบาก อย่างไรก็ดี การปิดล้อมฉนวนกาซาโดยอิสราเอล ตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ประชาชนในฉนวนกาซาไม่สามารถเดินทางออกนอกพื้นที่ได้โดยเด็ดขาด

หลายโรงพยาบาลในฉนวนกาซากำลังจะล่มสลายลง เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บจากสงคราม มีพุ่งขึ้นมากกว่า 13,000 ราย ซึ่งสูงกว่าสงครามในฉนวนกาซาครั้งก่อนๆ เช่นเดียวกับการขาดแคลนไฟฟ้า น้ำ และยารักษาโรค นอกจากนี้ กองทัพอิสราเอลยังได้สั่งให้มีการอพยพประชาชนจากโรงพยาบาลบางแห่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่และผู้บริหารโรงพยาบาลในฉนวนกาซามองว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

ภายหลังการประชุมระหว่าง เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล และ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันพุธ (18 ต.ค.) อิสราเอลได้ประกาศว่า พวกเขาจะอนุญาตให้มีการส่งอาหาร น้ำ และยารักษาโรคเข้าสู่ฉนวนกาซา ผ่านทางจุดผ่านแดนราฟาห์กับอียิปต์ โดยในการประชุม ไบเดนกล่าวย้ำว่าสหรัฐฯ ให้การสนับสนุนต่ออิสราเอล

“ตามคำเรียกร้องของประธานาธิบดีไบเดน อิสราเอลจะไม่ขัดขวางสิ่งของด้านมนุษยธรรมจากอียิปต์ ตราบใดที่เป็นเพียงอาหาร น้ำ และยาสำหรับประชากรพลเรือนที่ตั้งอยู่ในฉนวนกาซาตอนใต้ หรือที่กำลังอพยพไปยังที่นั่น” แถลงการณ์จากสำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอลระบุ “สิ่งของใดๆ ที่ส่งถึงกลุ่มฮามาส จะถูกกีดกันเอาไว้” ทั้งนี้ แถลงการณ์ไม่ได้กล่าวถึงการส่งเชื้อเพลิงให้สำหรับโรงพยาบาลในฉนวนกาซา ที่กำลังประสบความยากลำบาก

อย่างไรก็ดี ช่วงเวลาใดที่เสบียงหลายร้อยตัน ซึ่งปัจจุบันติดอยู่ที่จุดผ่านแดนฉนวนกาซากับอียิปต์ จะสามารถส่งเข้าสู่ฉนวนกาซาได้นั้นยังคงไม่มีความชัดเจน “ความช่วยเหลือทางการแพทย์ใดๆ ที่เข้ามาจะเป็นประโยชน์และจำเป็นต่อการให้บริการของเราต่อไป” ยูเซฟ อัล-อักกาด หัวหน้าโรงพยาบาลยุโรปในเมืองข่านยูนิสทางตอนใต้ของฉนวนกาซากล่าวกับสำนักข่าว Al Jazeera

สำหรับการใช้เชื้อเพลิงในฉนวนกาซานั้น โรงพยาบาลต้องการใช้น้ำมันประมาณ 5,000 ลิตรต่อวันในการเดินเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเมื่อเกิดไฟฟ้าดับ “ตอนนี้เรามีน้ำมันเพียงพอสำหรับ 2 หรือ 3 วันเท่านั้น” อัล-อักกาดกล่าว


ที่มา:

https://www.aljazeera.com/features/2023/10/19/gazas-only-cancer-hospital-could-shut-down-amid-israels-war-and-siege?fbclid=IwAR2f8pGje6QK_znOb0gynse_XO91HhKw5JlCctnB7E1rWUgPzuqwaAu3aUo