ไม่พบผลการค้นหา
มาดามนครบาล" นำทีม กทม.พท. ลุยตลาดห้วยขวาง แวะสักการะพระพิฆเนศเอาฤกษ์เอาชัย อัดรัฐบาลต้นเหตุทำค่าไฟแพง แขวะบีบให้ประชาชนจนแล้วแจก เผยพบกลุ่มธุรกิจ LGBTQ ชูซอฟต์เพาเวอร์ ดันไทยผลิตคอนเทนต์ซีรีย์วาย

วันที่ 22 เม.ย. 2566 แกนนำพรรคเพื่อไทย นำโดย พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย, ประภัสร์ จงสงวน, ณหทัย ทิวไผ่งาม, อุเมศนัส ปานเดย์, และชานันท์ ยอดหงษ์ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย ขจรศักดิ์ ประดิษฐาน ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตห้วยขวาง, วังทองหลาง(ยกเว้นแขวงคลองเจ้าคุณสิงห์) เบอร์ 5, นายภัทร ภมรมนตรี ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตดินแดง, เขตพญาไท เบอร์ 1 ลงพื้นที่พบประชาชนบริเวณตลาดห้วยขวาง รวมทั้งยังมี กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ผู้สมัคร ส.ส. เขตพระนคร ป้อมปราบฯ สัมพันธวงศ์ ดุสิต บางรัก ศิลปวิชญ์ น้อยสมมิตร ผู้สมัคร ส.ส. เขตธนบุรี-คลองสาน และมดดำ คชาภา ตันเจริญ เข้าร่วมสักการะพระพิฆเนศ บริเวณแยกห้วยขวาง เพื่อความเป็นสิริมงคล นอกจากนี้ ยังมียุรนันท์ ภมรมนตรี เดินทางมาร่วมให้กำลังใจและช่วยหลานชายหาเสียงอีกด้วย ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนในพื้นที่ตลาดห้วยขวางให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมทั้งสะท้อนปัญหาค่าไฟที่แพงขึ้นอีกด้วย

ยุรนันท์ ภัทร เพื่อไทย  IMG_0778.jpegมดดำ คชาภา พวงเพ็ชร IMG_0780.jpegพวงเพ็ชร ภัทร IMG_0779.jpeg

พวงเพ็ชร กล่าวว่า ประชาชนต้องเจอกับค่าไฟที่แพงขึ้น เพราะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สมัยที่เป็นหัวหน้า คสช. เป็นคนปลดคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) แล้วตั้งขึ้นมาใหม่เองยกชุด ซึ่งค่าไฟฟ้าที่ขึ้นก็มาจากคณะที่พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนกำหนด แล้วเมื่อค่าไฟแพงก็มาขอ กกต. อนุมัติใช้เงินภาษีของประชาชนในช่วงเลือกตั้งอีก สมกับเป็นรัฐบาลบีบให้จนแล้วแจก ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าไม่สมควรอย่างยิ่ง ดังนั้น กกต.ควรพิจารณาทบทวนด้วยว่ากรณีดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการหาเสียงหรือไม่ด้วย 

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ พล.อ. ประยุทธ์ตั้งคำถามว่า เหตุใดพรรคเพื่อไทยจึงเสนอนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัลหาคะแนนเสียงจากเด็กอายุ 16 ปีเพราะกลัวจะเป็นรัฐบาลได้ไม่เกิน2ปีใช่หรือไม่ พวงเพ็ชรตอบว่า อายุ 16 ปีเป็นอายุช่วงวัยทำงานตามกฎหมาย ประกอบกับเยาวชนเริ่มมีวุฒิภาวะเป็นของตนเอง จึงเป็นช่วงอายุที่เหมาะสม ไม่ได้มีประเด็นซ่อนเร้นทางการเมืองแต่อย่างใด

จากนั้นคณะฯ ได้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกับกลุ่ม LGBTQ ที่ประสบความสำเร็จในการทำวงดนตรีจนได้รับรางวัลจากรายการเพลงชิงช้าสวรรค์ ช่องเวิร์คพ้อยท์, ผู้บริหาร แอปพลิเคชั่นจูกซ์ JOOK รวมทั้งรับฟังข้อเสนอแนะของผู้ผลิตซีรี่ย์วายที่ส่งออกซีรี่ย์วายของไทยสู่เอเชียมาแล้ว ณ ร้านโคตรยำ ห้วยขวาง พร้อมทั้งชี้แจงแนวทางการสร้างงาน สร้างเงิน สร้างโอกาสของคนตัวเล็ก ผ่านนโยบาย 1 ครอบครัว 1 ศักยภาพ ของพรรคเพื่อไทย

ด้าน ยุรนันท์ กล่าวว่า ในฐานะที่เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสมัยไทยรักไทย เราสนับสนุนเรื่องความเท่าเทียมมาโดยตลอด และเคยผลักดันเรื่องสิทธิสตรีหลังแต่งงานให้สามารถใช้นามสกุลตัวเองได้ และในฐานะนักแสดงที่เคยเล่นละครที่สะท้อนปัญหาเกี่ยวกับกลุ่ม LGBTQA+ ได้มีการพูดคุยกับผู้จัดในเรื่องของการสะท้อนปัญหาที่คนกลุ่มนี้ต้องเผชิญในสังคมอย่างเข้มงวดเช่นกัน ซึ่งงในปัจจุบันสังคมเปิดกว้างยิ่งขึ้นในเรื่องของกลุ่ม LGBTQA+ และยังมีการผลักดันซีรีย์วายจนกลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์อย่างหนึ่งของไทย ในด้านของกฎหมายจึงควรเอื้อสิทธิ์ให้คนกลุ่มนี้อย่างเท่าเทียมในฐานะมนุษย์คนหนึ่งด้วย

ขณะที่ ชานันท์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบเกี่ยวกับการผลิตความคิดสร้างสรรค์ (Soft Power) อยู่มากมาย แต่อำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานกระจัดกระจายและทำงานไม่สอดคล้องกัน พรรคเพื่อไทยจึงเสนอให้มีการจัดตั้งหน่วยงาน THACCA ขึ้นมาใหม่ เพื่อทำงานแบบเบ็ดเสร็จจุดเดียว (One Stop Service) ดังนี้ 1. วางแผนนโยบายพัฒนาศิลปะ วัฒนธรรม อุตสาหกรรมสร้างสรรค์และทุกกิจกรรมที่สนับสนุนให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ (Soft Power) อย่างเป็นระบบ 2. ทำวิจัยและให้ทุนวิจัยที่เกี่ยวข้อง กับการสร้างงานความคิดสร้างสรรค์ Soft Power ซึ่งถือเป็นหนึ่งในต้นทุนการผลิตที่สำคัญ 3. ให้ทุนและสร้างแพลตฟอร์มสำหรับระดมทุนเพื่อสนับสนุนกิจกรรมของบุคคล ศิลปิน หรือ เอกชน 4. สร้างเครือข่ายและสร้างแพลตฟอร์มสำหรับเชื่อมคนไทยไปหาคนและทรัพยากรอื่นทั่วโลก

และ 5. เป็นตัวประสานกับหน่วยงานอื่นๆ เพื่อดูแลสวัสดิการคนทำงาน แรงงานสร้างสรรค์ โดยเฉพาะซีรีย์วาย เพราะอุตสาหกรรมซีรี่ย์และภาพยนต์ที่เน้นความสัมพันธ์ของคนในสังคม LGBTQ นั้นสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยจากหลากหลายประเทศทั่วโลก

"ปัจจุบันประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการผลิตคอนเทนท์ซีรีย์วายระดับโลก และเป็นอันดับ 1 ในเอเชีย ได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในไต้หวัน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และประเทศลาติน อเมริกา โดยพบว่ามูลค่าตลาดรวมนั้นไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท หากสามารถทำให้ประเทศเปิดกว้างกับการยอมรับความหลากหลายทางเพศได้ เราจะสามารถสร้างซีรี่ย์และภาพยนต์ที่ให้ความสำคัญกับประเด็นที่ลึกซึ้งเพิ่มมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่ประเด็นของความรักแฟนตาซีซีรีย์วายอย่างเดียว แต่สามารถขยายอุตสาหกรรมนี้ให้เติบโตเพิ่มมากยิ่งขึ้นได้ รวมทั้งบทละครและการควบคุมการผลิต จะพัฒนาให้เป็นที่ยอมรับมากขึ้น ส่งผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของเมืองไทยได้" นายชานันท์กล่าว