ไม่พบผลการค้นหา
'ลดาวัลลิ์' แนะรัฐบาล ควรปลดล็อกสมุนไพรทั้ง 13 ชนิดอย่าขึ้นทะเบียนเป็นวัตถุอันตราย เพราะเป็นทั้งอาหารและยารักษาโรค ระวังเป็นกับดักของกลุ่มทุนสารเคมีหวังสกัดเกษตรอินทรีย์ของไทย

นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน และผู้ก่อตั้งพรรคเสมอภาค กล่าวว่า รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไม่ควรแค่ปลดล็อกสมุนไพรไทย 13 ชนิด ที่ประกอบไปด้วย

  • สะเดา, ตะไคร้หอม, ขมิ้นชัน, ขิง, ข่า, ดาวเรือง, สาบเสือ, กากเมล็ดชา, พริก, คึ่นช่าย, ชุมเห็ดเทศ, ดองดึง และหนอนตายหยาก

โดยระบุว่าเป็นวัตถุอันตรายจากประเภทที่สองมาเป็นประเภทที่หนึ่ง แต่ควรจะปลดล็อกจากการเป็นวัตถุอันตรายทั้งหมดไปเลย เพื่อไม่ให้เกิดความยุ่งยากในการนำสมุนไพรทั้ง 13 ชนิดมาใช้เพื่อป้องกันแมลงศัตรูพืชของประชาชนชาวไทย เพื่อให้สามารถรองรับมาตรการห้ามจำหน่ายและห้ามใช้สารเคมีอันตราย ในการป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืชที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างรุนแรง

ตนเห็นว่ารัฐบาลควรจะส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชน ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืชจากสมุนไพรไทยให้แพร่หลาย มีความสะดวกและประหยัดค่าใช้จ่าย และหากใครจะผลิตเพื่อขายรัฐบาลก็ควรสนับสนุนให้ง่าย รวดเร็วทุกขั้นตอนไม่ใช่มาควบคุมให้ยุ่งยากล่าช้า เมื่อพิจารณาข้อดำหนดวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 ได้แก่ วัตถุอันตรายที่การผลิต การนำเข้า การส่งออก หรือการมีไว้ในครอบครอง ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนด ยิ่งเห็นชัดเจนว่าการครอบครองสมุนไพรทั้ง 13 ชนิดก็ยังจะมีหลักเกณท์วิธีปฏิบัติมาควบคุมอีกใช่หรือไม่?

"การกำหนดให้สมุนไพรไทยทั้ง13ชนิด ที่ให้ประโยชน์ต่อชีวิตและสุขภาพของคนไทยมาตั้งแต่บรรพบุรุษเป็นวัตถุอันตรายเช่นนี้ จะเป็นการสร้างความน่ากลัวขึ้นหรือไม่ เพราะสภาครูแพทย์แผนไทยกำลังจะนำตำรับยาสมุนไพรไทย ที่มีส่วนผสมของสมุนไพรใน13ชนิดดังกล่าวมาใช้ป้องกันรักษาโรคไข้ปอดอักเสบที่เกิดจากเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และการควบคุมพืชที่เป็นอาหารและยาเช่นนี้จะเป็นการละเมิดสิทธิของประชาชนหรือไม่ และที่สำคัญรัฐบาลควรมองในเชิงเศรษฐกิจการแข่งขันทางการค้าด้วยเพราะถ้าหากออกข้อกำหนดให้ยุ่งยากต่อการใช้การผลิตผลิตภัณท์จากสมุนไพรทั้ง 13 ชนิดซึ่งนับว่ามีประสิทธิภาพดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด ก็จะไม่เติบโตและแข่งขันกับผลิตภัณท์จากสารเคมีอันตรายได้เลย" นางลดาวัลลิ์กล่าว

อ่านเพิ่มเติม