ไม่พบผลการค้นหา
ที่ประชุมคณะกรรมการเยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบเหตุกราดยิงที่ จ.นครราชสีมา มีมติจ่ายเงินช่วยเหลือผู้เสียชีวิตเบื้องต้น รายละ 1 ล้านบาท ยกเว้นคู่ผู้ก่อเหตุ-กรณี คาดจ่ายเงินก้อนแรกวันที่ 15 ก.พ.นี้

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะกรรมการติดตามมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่จังหวัดนครราชสีมา ว่า ที่ประชุมมีมติจะจ่ายเงินเยียวยาตามระเบียบของกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้แก่ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว รวม 27 ราย ยกเว้นผู้ก่อเหตุและคู่กรณีอีก 3 ราย โดยจะจ่ายเงินรายละ 1 ล้านบาท ส่วนกรณีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส จำนวน 29 ราย รายละ 2 แสนบาท ขณะที่ผู้บาดเจ็บไม่สาหัส จำนวน 29 ราย จะได้รับเงินเยียวยารายละไม่เกิน 1 แสนบาท ซึ่งจะมีการประชุมคณะกรรมการกองทุนดังกล่าวในวันที่ 14 ก.พ. และคาดว่าจะสามารถเริ่มจ่ายเงินในส่วนนี้ได้ในวันเสาร์ที่ 15 ก.พ.นี้ 

นายวิษณุ ยังกล่าวว่า นอกจากการช่วยเหลือจากสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว ยังมีหน่วยงานอื่น ๆ ที่มีหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงยุติธรรม รวมถึงธนาคารของรัฐทั้ง 4 แห่ง ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ซึ่งจะมีการปรับลดดอกเบี้ย 

ทั้งนี้ในส่วนของทรัพย์สินที่เสียหายจากเหตุการณ์ครั้งนี้ แบ่งเป็น ทรัพย์สินของห้างเทอมินอล 21 นครราชสีมา ,ห้างร้านที่เช่าพื้นที่ของเทอมินอล และทรัพย์สินของประชาชน เช่น รถยนต์ นายวิษณุ กล่าวว่า สำนักงานประกันภัยได้ตรวจสอบความเสียหายและจะได้เร่งรัดการเบิกจ่ายเบี้ยประกันต่อไป ขณะเดียวกันมีการเสนอมาตรการระยะยาวฟื้นฟูด้านเศรษฐกิจ สภาพความเป็นอยู่ และสภาพจิตใจ โดยอาจมีการจัดกิจกรรมในจังหวัดนครราชสีมาต่อไป 

ด้านกรมสุขภาพ ฝากเตือนสื่อมวลชนให้ระมัดระวังการนำเสนอข่าวที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ลักษณะนี้ เพราะกังวลว่าจะก่อให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ และยังส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของประชาชน อย่างไรก็ตามในแต่ละกระทรวงต้องรวบรวมรายละเอียดการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมดในส่วนความรับผิดชอบของตนเอง ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า รวมถึงแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ให้รับทราบ เพื่อเป็นศูนย์กลางประสานแจ้งความช่วยเหลือให้ประชาชนรับทราบต่อไป