ไม่พบผลการค้นหา
องค์กรไม่แสวงหากำไรเตรียมใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนช่วยเหลือชาวโรฮิงญา ด้วยการให้บัตรประชาชนดิจิทัล เพื่อให้เข้าถึงการศึกษาและธุรกรรมทางการเงิน

เดอะ โรฮิงญา โปรเจค องค์กรไม่แสวงหากำไรเตรียมใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการให้บัตรประชาชนกับชาวโรฮิงญาที่ต้องลี้ภัยออกจากรัฐยะไข่ เพื่อหนีการลบล้างเผ่าพันธุ์ โดยจะเริ่มแจกเลขประจำตัวประชาชนดิจิทัลให้กับชาวโรฮิงญา 1,000 คนแรกที่อาศัยอยู่ในมาเลเซีย บังกลาเทศและซาอุดี อาระเบียในปี 2018 ที่จะถึงนี้

นายไครี แอนดรู ผู้ร่วมก่อตั้งเดอะ โรฮิงญา โปรเจคหวังว่า โครงการนี้จะทำให้สาธารณชนตระหนักถึงปัญหาการไร้รัฐและการกีดกันด้านการเงินต่อชาวโรฮิงญา เนื่องจากชาวโรฮิงญาถูกยึดสิทธิพลเมืองไป ไม่มีบัตรประชาชน ทำให้พวกเขาถูกตัดขาดจากรัฐและโลกภายนอก โครงการนี้จะตรวจสอบก่อนว่า คนนั้นเป็นชาวโรฮิงญาจริงหรือไม่ ด้วยการซักประวัติและสืบสาแหรกว่าบรรพบุรุษเป็นชาวโรฮิงญาจากรัฐยะไข่จริงหรือไม่ แล้วจึงจะให้เลขประจำตัวดิจิทัลในระบบบล็อกเชน ซึ่งเลขประจำตัวนี้ก็จะทำให้พวกเขาเข้าถึงบริการสาธารณะอย่างโรงพยาบาล รวมถึงเข้าถึงการศึกษาและธุรกรรมทางการเงินได้ อีกทั้งยังจะช่วยกอบกู้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของพวกเขาด้วย


หมู่บ้านโรฮิงญา เผา

ภาพหมู่บ้านชาวโรฮิงญาในรัฐยะไข่ถูกเผา

จากที่สหประชาชาติประเมินว่ามีชาวโรฮิงญาอยู่ทั้งหมดประมาณ 10 ล้านคนทั่วโลก เดอะ โรฮิงญา โปรเจคคาดว่า ปัจจุบัน มีชาวโรฮิงญามากกว่า 4 ล้านคนทั่วโลก ที่กระจัดกระจายออกจากรัฐยะไข่ไปยังประเทศอื่นๆ นับตั้งแต่ปี 1982 ที่รัฐบาลพม่าถอดชาวโรฮิงญาออกจากกลุ่มชาติพันธุ์ที่ทางการรับรอง ซึ่งทำให้เป็นคนไร้รัฐโดยทันที แต่วิกฤตโรฮิงญารุนแรงขึ้นมากนับตั้งแต่กองกำลังปลดปล่อยโรฮิงญาอาระกันหรือ ARSA โจมตีตำรวจชายแดนเมียนมา จนกองทัพสั่งปราบปรามชาวโรฮิงญาอย่างหนัก ส่งผลให้ชาวโรฮิงญามากกว่า 650,000 คนต้องลี้ภัยออกจากรัฐยะไข่ไปยังบังกลาเทศ

บล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีการทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ โดยไม่จำเป็นต้องได้รับการรับรองจากเจ้าหน้าที่รัฐของประเทศใดๆ ซึ่งได้รับความนิยมมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สำหรับการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม เนื่องจากค่าธรรมเนียมการโอนเงินถูกกว่าและสามารถส่งความช่วยเหลือให้ผู้ลี้ภัยได้สะดวก