ไม่พบผลการค้นหา
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ค่าฝุ่น PM 2.5 ลดลงเล็กน้อย เนื่องจากสภาพอากาศเปิด คาดสัปดาห์นี้ฝุ่นจะอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ขณะพรรคเพื่อไทยจี้รัฐแก้ปัญหาฝุ่นอย่าโยนภาระประชาชน

นายประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่าจากการติดตามตรวจสอบสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลวันนี้ (15 ม.ค.) ปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ตรวจวัดได้ระหว่าง 23–53 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ภาพรวมปริมาณฝุ่นละอองหลายพื้นที่ลดลงจากเมื่อวานนี้ (14 ม.ค.) เล็กน้อย บางพื้นที่ยังเกินเกณฑ์มาตรฐาน เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ หรืออยู่ในระดับสีส้ม 3 พื้นที่คือ ริมถนนลาดพร้าว ซอยลาดพร้าว 95 เขตวังทองหลาง ริมถนนพหลโยธิน เขตบางเขน และแขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ 

เนื่องจากการจราจรหนาแน่นหลายเส้นทาง แต่สภาพอากาศมีลมแรงและมีฝน จึงไม่เกิดการสะสมของฝุ่นและมีการกระจายตัวได้ดีขึ้น คาดการณ์ถึงวันที่ 18 ม.ค. ความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางอีกระลอกจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมและมีลมตะวันออกพัดปกคลุมบริเวณภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคใต้ ทำให้มีฝนตกกระจายเล็กน้อยประมาณร้อยละ 10 ในบางพื้นที่ ทำให้สภาวะฝุ่นช่วงสัปดาห์นี้จะอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง แต่จะมีบางวันที่อาจสูงขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับกิจกรรมในพื้นที่ ประกอบกับการเร่งควบคุมแหล่งกำเนิดฝุ่นต่างๆ ในแต่ละหน่วยงานอย่างเข้มงวดขึ้น การควบคุมการปล่อยมลพิษจากรถยนต์และยานพาหนะทุกประเภททำให้ภาพรวมค่าฝุ่นลดลง

ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวควรเฝ้าระวังสุขภาพ ที่สำคัญประชาชนควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งหรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง หากมีความจำเป็นและติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองอย่างใกล้ชิด

จี้รัฐแก้ปัญหาฝุ่น อย่าโยนภาระประชาชน

นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ และที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยว สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า สถานการณ์หมอก ฝุ่น ควันพิษในหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครและเชียงใหม่ถือว่ารุนแรงมาก ที่ผ่านมาทางพรรคเพื่อไทยมีการออกมาเตือนผู้มีอำนาจมาตลอดว่า ปัญหาฝุ่นควันที่เคยเกิดขึ้นจะกลับมาและรุนแรงกว่าเดิมมาก โดยผ่านการยื่นกระทู้ถามรัฐบาลในสภา รวมทั้งการให้สัญญาณเตือนเป็นระยะ แต่รัฐไม่สนใจที่จะรับฟังและไม่สนใจที่จะหาทางป้องกันแก้ไขก่อนเกิดเหตุ

รัฐเลือกที่จะปล่อยให้ปัญหานี้เกิดขึ้นไม่มีการป้องปรามตั้งแต่แรก เลือกที่จะแก้ไขหน้างาน เช่นปัจจุบัน ซึ่งไม่ทันการแล้วเพราะปัญหาเกิดขึ้นแล้ว อยากบอกว่าในฐานะที่เป็นรัฐบาลต้องทำมากกว่าการ 'นั่งมโน' หรือการใช้ความคิดในห้องแอร์เย็นฉ่ำ เพราะความคิดหรือมโนไม่แก้ปัญหารัฐต้องเร่งทำงานแก้ปัญหาอย่างจริงจัง หากรัฐบาลตั้งใจเชื่อว่าแก้ปัญหาได้แม้ปัญหาไม่หมดไปแต่ก็สามารถทำให้ปัญหาบรรเทาเบาบางลงไปได้ ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย 

นายจักรพล กล่าวด้วยว่า กรณีที่รัฐบาลเตรียมนำเสนอพระราชบัญญัติเพื่ออากาศสะอาด มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยมีการบูรณาการหลายกระทรวงเข้ามาร่วมกันแก้ปัญหาก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี  แต่ในความเป็นจริงรัฐบาลต้องทำตั้งนานแล้วหรือไม่  ล่าสุดปัญหาฝุ่นควันกระทบเป็นวงกว้าง ทั้งนักท่องเที่ยวไม่มาเที่ยว ทั้งนักเรียนมีปัญหาสุขภาพ บางคนถึงขั้นไอเป็นเลือด สถานการณ์น่ากลัวขึ้นมาก 

“การดำเนินการของรัฐบาลถือว่าสอบตกในการแก้ปัญหาฝุ่นควัน ที่ผ่านมารัฐบาลไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้ปัญหาเกิดขึ้นมาแล้วก็เงียบหายไปเอง หนักสุดคือประกาศว่าประชาชนต้องช่วยเหลือตัวเองในการป้องกันฝุ่นควันพิษ ถ้าอย่างนั้นจะมีรัฐบาลไว้ทำไม เพราะในเบื้องต้นประชาชนป้องกันตัวเองแต่ในภาพใหญ่รัฐต้องแสดงออกว่ากำลังแก้ปัญหา ไม่ใช่มาโยนภาระให้ประชาชน แบบนี้ก็ไม่ควรมีรัฐบาลเลยดีกว่าไหม” นายจักรพล กล่าว