ไม่พบผลการค้นหา
ข่าวใหญ่ในวงการฟุตบอลระหว่างประเทศเมื่อไม่นานมานี้ คือสมาพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ หรือ FIFA ได้สั่งแบนประธานสมาคมฟุตบอลปาเลสไตน์ ห้ามยุ่งเกี่ยวกับฟุตบอลและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องเป็นเวลา 12 เดือน และปรับเงิน 20,000 ฟรังก์สวิส ในโทษฐานปลุกเร้าให้ใช้ความรุนแรง

อีกครั้งที่ฟุตบอลถูกนำออกนอกสนามเข้าไปสู่เวทีการเมือง เหมือนกับอีกหลายสิ่งในโลกที่เมื่อถูกนำไปสู่พื้นที่สาธารณะ การเข้ามาของการเมืองก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งกีฬาที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดอย่างฟุตบอล ก็ยากที่จะทำให้มันปราศจากการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง และครั้งนี้ฟุตบอลถูกชักนำมาสู่นครศักดิ์สิทธิ์อย่าง ‘เยรูซาเลม’

ในยุคสมัยใหม่ เยรูซาเลมเป็นศูนย์กลางความคัดขัดแย้งระหว่างระหว่าง ‘อิสราเอล’ และ ‘ปาเลสไตน์’ รวมไปถึงชาติอาหรับอื่นๆ มาอย่างยาวนาน หลังจากอิสราเอลควบรวมเอาเยรูซาเลมทั้งหมดมาไว้ไต้อาณัติแต่เพียงชาติเดียว และประกาศให้นครศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เป็นเมืองหลวงประเทศ เช่นเดียวกับชาวปาเลสไตน์ที่ก็ยังมองว่าเยรูซาเลมส่วนหนึ่งยังเป็นของพวกเขาเช่นกัน 

หลังจากการประกาศเมืองหลวงของอิสราเอล นานาชาติไม่มีประเทศใดรับรองสถานะเยรูซาเลม สถานทูตของประเทศต่างย้ายไปอยู่ที่นครเทลอาวีฟ นครเยรูซาเลมจึงเป็นที่รู้กันดีในระดับประเทศว่าเป็นพื้นที่ความขัดแย้งที่แสนจะเปราะบาง

ฉนวนกาซา-อิสราเอล-ปาเลสไตน์-ประท้วงสถานทูตสหรัฐฯ-อิวังกา-ลูกสาวทรัมป์-เปิดสถานทูต

(AP เผยแพร่ภาพเปรียบเทียบระหว่างผู้ประท้วงชาวปาเลสไตน์กับผู้เข้าร่วมพิธีเปิดสถานทูตสหรัฐฯ ที่เยรูซาเลม)

แต่เมื่อช่วงเดือน ธ.ค. ปี 2017 ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศย้ายสถานทูตสหรัฐฯ ประจำอิสราเอลเข้าไปอยู่ในเยรูซาเลม ซึ่งเท่ากับไปรับรองสถานะความเป็นเมืองหลวงของประเทศอิสราเอล สวนทางกับนโยบาย 'สนับสนุน 2 รัฐ' ของสหประชาชาติ (UN) ที่เสนอให้ประเทศสมาชิกยอมรับสถานะของทั้งอิสราเอลและปาเลสไตน์ การรับรองสถานะของอิสราเอลเพียงฝ่ายเดียวของชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ จ���งส่งผลให้กระบวนการสันติภาพระหว่างสองรัฐที่ดำเนินมาอย่างยาวนานต้องสั่นคลอน นำไปสู่การประท้วงตามแนวชายแดน

ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนฟุตบอลโลกจะเริ่ม อาร์เจนตินามีเกมอุ่นเครื่องกับอิสราเอลที่เมืองไฮฟา ซึ่งดูจะไม่มีปัญหาอะไร แต่อิสราเอลกลับเปลี่ยนสถานที่จัดเกมอุ่นเครื่องมาจัดที่เยรูซาเล็ม ทำให้ทางสมาคมฟุตบอลปาเลสไตน์ร้องเรียนไปทางอาร์เจนตินา ว่าอิสราเอลพยายามแสวงหาผลประโยชน์ทางการเมืองผ่านฟุตบอล โดยการดึงเอาอาร์เจนติน่ามารับรองความเป็นเจ้าของเยรูซาเล็มแต่เพียงผู้เดียวของอิสราเอล และเรียกร้องให้แฟนบอลชาวปาเลสไตน์ชุมนุมประท้วงเผารูปภาพและเสื้อหมายเลข 10 ของลีโอเนล เมสซี่ กัปตันทีมชาติอาร์เจนตินา ที่เป็นทูตสันถวไมตรีของยูนิเซฟ (UNICEF) องค์กรมนุษยธรรมเกี่ยวกับเด็กและเยาวชน

สหพันธ์ฟุตบอลอาร์เจนตินาจึงได้ยกเลิกเกมดังกล่าวไป โดยให้เหตุผลเกี่ยวกับความปลอดภัยของนักเตะ ซึ่งทางกระทรวงความปลอดภัยสาธารณะของอิสราเอลออกแถลงการณ์ยืนยันว่า การยกเลิกการแข่งขันไม่ใช่เรื่องของการคว่ำบาตรอิสราเอล แต่เป็นการป้องกันความปลอดภัยของนักเตะอาร์เจนตินาเท่านั้น

แต่ทาง ญิบริล รายุบ ประธานสมาคมฟุตบอลปาเลสไตน์กลับให้สัมภาษณ์กับสื่อด้วยประโยคเด็ดที่ว่า “ส่วนอื่นของโลกแจกใบแดงให้แก่ชาวอิสราเอล” 

AFP-แจกใบแดงให้อิสราเอล-ปาเลสไตน์ประท้วงแข่งบอลโลกที่เยรูซาเลม

ตามมาด้วยคำพูดที่เป็นไวรัลกระจายไปทั่วโซเชียลมีเดียของเมสซี่ที่ว่า “ในฐานะทูตของยูนิเซฟ ผมไม่สามารถลงเล่นกันคนที่ฆ่าเด็กผู้บริสุทธิ์ชาวปาเลสไตน์ได้ เราต้องยกเลิกการแข่งขัน เพราะเราเป็นมนุษย์มาก่อนจะเป็นนักฟุตบอล” ซึ่งก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่วัน มีการทิ้งระเบิดโดยอิสราเอลในฉนวนกาซ่า ทำให้มีเด็กชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตหลายสิบคน เป็นคำพูดที่กินใจและมีผลสะเทือนสูงมากเมื่อผู้ที่พูดออกมาเป็นนักเตะทีเรียกได้ว่าเก่งที่สุดในโลก 

แต่น่าเสียดาย เมื่อย้อนดูจริงๆ ประโยคดังกล่าวไม่เคยออกจากปากเมสซี่เลย มีเพียงกอนซาโล่ อิกัวอิน กองหน้าทีมชาติอาร์เจนตินา ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ไปในทำนองเดียวกันกับสมาพันธ์ฟุตบอลว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้วที่ยุติเกมอุ่นเครื่องนี้ เพราะเรื่องความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ แสดงให้เห็นถึงความพยายามของอาร์เจนตินาที่จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งที่แสนจะเปราะบางนี้

เมื่อทัวร์นาร์เมนต์ฟุตบอลโลกเริ่มขึ้น ชาติที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็คือรัสเซีย ที่ใช้ฟุตบอลเป็นทูตการเมือง โดยประธานาธิบดีวลาดีเมียร์ ปูติน ได้เชิญทั้งเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล และมาห์มูด อับบาส ผู้นำปาเลสไตน์ เข้าพูดคุยถึงปัญหา และชมเกมคู่ชิงชนะเลิศด้วยกัน 

นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าเป็นการแสดงอำนาจในเวทีโลกของรัสเซีย หลังจากที่เข้าไปมีเอี่ยวกับความขัดแย้งในตะวันออกกลางหลายครั้ง แล้วอาร์เจนตินาก็ถูกดึงเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้งเมื่อ ‘ดีเอโก้ มาราโดนา’ ตำนานนักฟุตบอลขวัญใจชาวอาร์เจนตินา ก็ทำในสิ่งที่เมสซี่ไม่กล้าทำ ในช่วงบอลโลกมาราโดนาถูกเชิญจาก FIFA ให้เข้ามาชมการแข่งขันเนื่องจากที่เขามีชื่อเสียงเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของฟุตบอลอาร์เจนตินา

เมื่อมาราโดนาได้พบกับ อับบาส ผู้นำปาเลสไตน์ ที่ได้รับเชิญมาชมฟุตบอลโลกเช่นกัน เขาได้มอบภาพเขียนรูปนกพิราบคาบช่อมะกอก สัญลักษณ์แห่งสันติภาพให้กับ อับบาส และได้พูดกับอับบาสแบบไม่แคร์สื่อด้วยประโยคที่ว่า “ผมเป็นชาวปาเลสไตน์ ผมหวังให้เกิดสันติภาพในปาเลสไตน์”

อ่านเพิ่มเติม:

Smanachan Buddhajak
0Article
0Video
0Blog